หมอ-พยาบาลฉีดยาผิด เด็ก 4 ขวบ ช็อค ! เลือดออกปาก รพ.ยังเงียบลุ้นเคลียร์ข้อเท็จจริง
แม่พาลูกมารักษาไข้หวัด พยาบาลเอาที่พ่นยามาฉีดเข้าเส้นเลือด ก่อนช็อก ตาลอย สำลักเลือด นอนไอซียู 12 วัน จนอาการเริ่มดีขึ้น แต่ยังมีผลข้างเคียงหลายอย่าง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อย หอบ ระบบประสาทซีกขวาบกพร่อง มีเหงื่อออกซีกซ้ายข้างเดียว ไม่มีเลือดหมุนเวียนในใบหน้าซีกขวา รูม่านตาหด หนังตาตก
วันที่ 27 ส.ค.66 ผุ้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก @bow.onlyone ได้โพสต์เล่าเรื่องราวร้องเรียน หลังลูกชายอายุ 4 ขวบ เข้ารับการรักษาอาการไข้หวัดธรรมดา แต่หมอและพยาบาลกลับฉีดยาผิดประเภทจนช็อกเลือดออกปาก อาการสาหัส
สำหรับสาเหตุที่ต้องนำลูกมารักษาเนื่องจากมีอาการไข้หวัด แต่ประเด็นดราม่าก็มาบังเกิดขึ้นเอาเมื่อ ในโพสต์มีการอ้างว่า คุณหมอและพยาบาล ได้ทำการฉีดยาผิดประเภท โดยเอายาพ่นมาฉีดเข้าเส้นเลือด เด็กมีเลือดออกทางปาก ช็อก ตาลอย จนอาการสาหัส หมอและพยาบาลช่วยกันในห้องฉุกเฉินนาน 4 ชั่วโมง
แต่ลูกชายเจ้าของโพสต์ก็ยังอาการไม่ดีขึ้น แถมยังต้องส่งตัวไปยัง รพ.ประจำจังหวัด เพื่อรักษาอาการต่อเนื่อง
หลังจากนั้นอาการยังทรุดจนเด็กต้องถูกส่งตัวต่อไปยัง รพ.ศูนย์ภาคใต้
มีการส่งตัวถึง 3 รพ. ระหว่างเคลื่อนย้ายมีเลือดกระเซ็นออกปากตลอดเวลา คนเป็นแม่เล่าว่าลูกต้องอยู่ห้งอไอซียู (ICU( 12 วัน อาการจึงดีขึ้น แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงคือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อย หอบ ระบบประสาทซีกขวาบกพร่อง มีเหงื่อออกซีกซ้ายข้างเดียว ไม่มีเลือดหมุนเวียนในใบหน้าซีกขวา รูม่านตาหด หนังตาตก โดยทีมแพทย์ทาง รพ.ศูนย์ภาคใต้สรุปอาการที่เกิดขึ้นกับน้อง จากสาเหตุครั้งนี้ ทั้งหมด 8 อาการ
- หัวใจวายเฉียบพลันที่มีเลือดออกในปอด
- ยาอะดรีนาลีนเกินขนาด
- ปอดข้างขวาทะลุ
- ติดเชื้อในทางเดินระบบหายใจ
- โพรแทสเซียมสูง
- สายตาเอียง
- ภาวะของการหดตัวของหัวใจล้มเหลว
- ฮอร์เนอร์
ทาง รพ.เอกชนชื่อดังในจังหวัดตรัง ชี้แจงถึงสาเหตุว่า “ยาออกฤทธิ์มากไป” ซึ่งปกปิดและบิดเบือนความจริงจากผลที่ทางครอบครัวได้รับไปมาก หรือคนละเรื่องกันเลย ตอนหลังทาง รพ.เอกชนดัง ได้ยอมรับว่า
- หมอสั่งยาผ่านระบบ แต่ระบบขัดข้องเลยทำให้คำสั่งผิดพลาด
- พยาบาลที่ฉีดยาให้น้องไม่ใช่พยาบาลของ รพ.เป็นพยาบาลพาสไทม์
- ยาตามคำที่สั่งหมอ คือให้ใช้พ่น แต่เอามาฉีดเข้าเส้นเลือด (ทำให้ยาเกินขนาด)
ที่มา : Bowy Kantangrangnok.
ทั้งนี้ ในส่วนของข้อทเ็จจริง ยังคงต้องรอทางโรงพยาบาลและทีมแพทย์พยาบาลที่ถูกพาดพิง ออกมาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง หากมีความคืบหน้าจะนำมารายงานให้ทราบต่อไป.