ข่าว

อ.เพจดังเฉลยแล้ว กรณีหนุ่มโคราชพบวัตถุประหลาด แท้จริงแล้วไม่ใช่อุกกาบาต

อ.เจษฎา เจ้าของเพจเฟซบุ๊กดัง ออกมาให้ข้อมูล กรณีหนุ่มโคราชเจอวัตถุประหลาดระหว่างไปจับอึ่ง เชื่อว่าเป็นอุกกาบาต แต่แท้จริงแล้วเป็น อุลกมณี หรือหินสะเก็ดดาว

จากกรณี หนุ่มชาวโคราช ออกส่องไฟจับอึ่ง แต่พลันสายตาไปเห็นแสงไฟพุ่งลงน้ำคล้ายดาวตก หนุ่มรายนั้นจึงไปดู แล้วพบกับวัตถุแวววาว ก้อนเกือบเท่าไข่ไก่ โดยเขาเชื่อว่าเป็นอุกกาบาต อีกทั้งเคยลองเอาหนุนก็หัวร้อนจนนอนไม่ได้ ค้อนทุบก็ไม่ระคายผิว จึงอยากให้ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูล ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ออกมาให้คำตอบแล้ว

โดยวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ถึงกรณีหนุ่มโคราชพบวัตถุประหลาด โดย อ.เจษฎา ระบุว่า วัตถุชนิดนี้คือ อุลกมณี หรือ หินสะเก็ดดาว ซึ่งได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ว่า

“…ทางกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ชี้แจงว่าหินสีดำเหล่านี้เรียกว่า อุลกมณี หรือ ไม่ใช่ชิ้นส่วนของอุกกาบาตแต่อย่างใด อุลกมณี (หรืออีกหลายชื่อที่เรียกกัน เช่น อุกกามณี แก้วข้าว สะเก็ดดาว เหล็กไหลต่างดาว คดปลวก พลอยจันทรคราส หยดน้ำฟ้า) นั้น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “tektite” โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย

อุลกมณีที่พบจะมีเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่สีดำทึบคล้ายนิล บางชิ้นมีเนื้อในสีน้ำตาลใส บางชิ้นก็มีเนื้อโปร่งแสงสีเขียว ผิวของอุลกมณีจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ผิวขรุขระ มีขนาดและรูปร่างต่างๆ กัน รูปลักษณ์สัณฐานไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลม ยาวแบน แท่งกลมยาว

มนุษย์รู้จักอุลกมณีมานานแล้ว โดยเชื่อกันว่าเป็นสะเก็ดดาวจากนอกโลก ที่ตกเข้ามายังพื้นผิวโลก แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาและทราบว่าแท้จริงแล้ว เป็น “หิน ดิน ทราย” บนโลก ที่เกิดการหลอมละลายจากความร้อน ที่ได้รับจากการพุ่งชนของอุกกาบาต

อ.เพจดังเฉลยแล้ว กรณีหนุ่มโคราชพบวัตถุประหลาด แท้จริงแล้วไม่ใช่อุกกาบาต

ขณะที่ดินทรายหลอมละลายนั้น จะกระเซ็นขึ้นไปบนท้องฟ้าตามแรงดันสูงที่อุกกาบาตกระทบพื้น แล้วเกิดการเย็นตัวและแข็งตัวอย่างรวดเร็วกลางอากาศ ก่อนจะตกกลับคืนสู่พื้นดิน จึงทำให้เกิดรูปร่างหลากหลายแบบ สีของอุลกมณีจะมีความแตกต่างกันจากการเกิด ว่าเมื่อตอนที่เกิดนั้น มีแร่ธาตุอะไรเข้าไปผสมอยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่อุลกมณีจะประกอบด้วยแร่ซิลิกา จึงมีลักษณะเป็นเนื้อแก้วโปร่งแสง เมื่อเวลาถูกแสงไฟ แสงบางส่วนจะทะลุผ่านได้”

หลังจากที่ อ.เจษฎา ได้มาเฉลย หลายท่านคงต้องร้อง อ๋อ อย่างนี้นี่เอง อย่างที่ได้กล่าวไปว่า วัตถุประหลาดที่หนุ่มโคราชรายนั้นพบหลังเห็นแสงไฟ เป็นหินชนิดหนึ่งบนโลกที่เกิดจากการหลอมละลายจากความร้อนเท่านั้น สรุปว่า วัตถุประหลาดนั้นไม่ใช่อุกกาบาต หรือสะเก็ดดาวเล็กดาวน้อยนอกโลกตกลงมาแต่อย่างใดค่ะ

Kamonlak

นักเขียนข่าวประจำ Thaiger ผู้มีความสนใจที่หลากหลาย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเขียนข่าวการเงิน เศรษฐกิจ จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานอดิเรก ติดตามข่าวสารความบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์และแอนิเมชัน เขียนงานโดยมีแนวคิดที่ต้องการถ่ายทอดมุมมองของตัวเองและถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่องทางติดต่อ kamonlak@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button