ข่าวข่าวการเมือง

อมรัตน์ งัดหลักฐานโต้กระแสปลุกปั่น ย้ำชัด ไม่เคยปฎิเสธว่าไม่รู้จัก “บุ้ง ทะลุวัง”

เจี๊ยบ อมรัตน์ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ทิ้งเด็กเอาตัวรอดด้วยการปฎิเสธว่าไม่รู้จักบุ้ง พูดจากข้อเท็จจริง ไม่ได้รู้จักน้องเยาวชนทุกกลุ่ม ไม่อยากทำตัวเป็น คุณแม่ คุณครู รู้ดีต้องทพำอะไรไม่ทำอะไร

วันที่ 13 สิงหาคม 2566 เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ออกมาเคลื่อนไหวผ่านบัญชีโซเชียลของตัวเอง ประเด็น ชี้แจงเรื่องที่ตนเองถูกปลุกปั่นใส่ร้ายไม่รู้จักบุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวังและอยู่เบื้องหลังใช้เด็กเป็นเครื่องมือแล้วพอมีปัญหาก็ทิ้งเด็ก

Advertisements

โดยเจ้าตัวได้ลงคลิปซึ่งเคยให้สัมภาณ์กับสื่อพร้อมเขียนเนื้อหาร่ายยาว 7 ข้อ ดังนี้ (1.) ชี้แจงเรื่องที่ถูกปลุกปั่นใส่ร้าย หลักฐานคลิปนี้ (นาทีที่ .49) ดิฉันตอบคำถามว่า “ไม่ได้รู้จักน้อง ๆ กลุ่มกิจกรรมทุกกลุ่มทุกคน รู้จักเป็นบางกลุ่มบางคน” ไม่มีเนื้อหาตอนใดที่ดิฉันปฎิเสธว่าไม่รู้จัก #บุ้ง กลุ่มทะลุวัง ตามที่ไปกระพือข่าวใส่ร้ายว่าพอมีปัญหาก็ (ต่อ)

(2.) ว่าทิ้งเด็กเพื่อเอาตัวรอดด้วยการปฎิเสธว่าไม่รู้จักบุ้ง และตามปั่นขยายความไม่รู้จบเพื่อด้อยค่ากันด้วยเจตนาร้าย และไร้หลักฐาน ข้อเท็จจริงคือมีนักกิจกรรมเกิดขึ้นมาใหม่หลากหลายกลุ่มมากจริง ที่รู้จักส่วนตัวหลายคนเพราะเจอกันบ่อย พวกนี้เป็นกลุ่มเก่าที่เกิดขึ้นช่วงปี 63 (ต่อ)

( 3.) ช่วงปี 63-64 เพราะไปประกันตัวบ้าง ไปเจอในที่ชุมนุมเป็นประจำ เช่นรุ่นเพนกวิน ในปัจจุบันมาเป็นส.สพรรคก้าวไกลหลายคนเช่น โตโต้ ลูกเกด ชลธิชา น้องจีน เชียงใหม่ ผู้ชุมนุมและนักกิจกรรมทั้งหลายคงพอจะทราบและเป็นพยานได้ว่า “พวกเขาล้วนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก” หลาย ๆ คน (ต่อ)

(4) หลาย ๆ คนสูงมากจริง ๆ เกินกว่าที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะไปชี้นำชักจูง แนะนำ หรือห้ามปรามใด ๆ ให้พวกเขาต้องทำ หรือต้องไม่ทำอะไรได้เลยจริง ๆ ความสัมพันธ์ดิฉันกับบุ้ง กลุ่มทะลุวัง นอกจากมีพบกันในกิจกรรมต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุย แต่ครั้งที่ #ตะวันแบม อดอาหารประท้วง (ต่อ)

Advertisements

(5.) ช่วงวิกฤติได้เจอบุ้งที่หน้าศาลฎีกา ดิฉันถามไถ่อาการของ #ตะวันแบม และมีการขอเบอร์โทรกันไว้เพื่ออาจจะโทรติดตามความคืบหน้าอาการ หลังจากนั้นมีโอกาสพูดคุยจริงจังกับบุ้ง 1 ครั้ง ช่วงที่มีปัญหาเรื่องหยกปีนรั้วเข้ารร. จึงโทรไปถามรายละเอียด ทำไมคุณแม่ของน้องหยกถึงไม่มา (ต่อ)

(6.) หลังจากวันนั้นดิฉันได้แต่ติดตามเรื่องของพวกเขาผ่านทางสื่อมวลชนด้วยความห่วงใย เพราะส่วนตัวไม่อยากให้ทำกิจกรรมที่จะทำให้เสียแนวร่วมไป แต่ไม่รู้จะไปใช้สิทธิอะไรไปตักเตือนหรือทำอะไรมากกว่านี้ได้เพราะก็ไม่ใช่ผู้ปกครอง ไม่ชอบทำตัวไปสอนสั่งใครแบบคุณครูรู้ดี และที่สำคัญ (ต่อ)

(7.) และที่สำคัญไม่รู้ว่าเราจะเป็นคนที่พวกเขาจะรับฟังรึเปล่า อยากให้เลิกปั่นสักทีว่าดิฉันปฎิเสธว่าไม่รู้จักบุ้ง และอยู่เบื้องหลังใช้เด็กเป็นเครื่องมือแล้วพอมีปัญหาก็ทิ้งเด็ก 13 ส.ค.66 จบ.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button