ชวนอ่านประวัติ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ผู้ผลักดันนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค จนกลายเป็นนายกในดวงใจของคนไทยทั้งประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยตั้งแต่รากหญ้าให้ลืมตาอ้าปากได้
หลังจากที่วันนี้ 26 กรกฎาคม 2566 วันเกิดทักษิณ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เผยว่าวันที่ 10 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ คุณพ่อจะเดินทางกลับไทยที่สนามบินดอนเมือง เรียกได้ว่าประชาชนชาวไทยหลายท่านต่างให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม และบางส่วนยังเตรียมไปรอรับทักษิณ กลับเมืองไทยกันอีกด้วย
ด้วยโอกาสอันดี ทีมงาน Thaiger จะทุกคนมาทำความรู้จักกับ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทยให้มากขึ้น ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนายกที่เฉียบคมด้านการบริหาร เศรษฐกิจเมืองไทยก้าวหน้า คุณภาพชีวิตประชาชนก้าวกระโดด รวมถึงยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้ไปไกลถึงระดับสากล งานนี้ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว มาอ่านประวัติของคุณทักษิณกันได้เลย
ประวัติ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2492 มีชื่อเล่นว่าน้อย ส่วนชื่อแม้ว เป็นฉายาที่เพื่อนร่วมรุ่น โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 (ตท.10) ตั้งให้ เกิดที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรคนที่สอง จากพี่น้องทั้งหมด 10 คน ของนายเลิศ และยินดี ชินวัตร
มีพี่น้อง 10 คน อาทิ เยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติ, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และพายัพ ชินวัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็นพี่เขยของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเยาวภาผู้เป็นน้องสาว
ด้านการศึกษา พันตำรวจโท ทักษิณ จบการศึกษาระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนมงฟอร์ดวิทยาลัย และจบการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 26 โดยสอบได้คะแนนเป็นที่หนึ่งของรุ่น จากนั้นพันตำรวจโท ทักษิณ ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท โดยได้รับทุนของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในสาขากระบวนการยุติธรรม ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเคนทักกี
นอกจากนี้ ทักษิณ ยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตด เมื่อปี พ.ศ. 2521 และยังเป็นดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในสาขาวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2537 และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์พิเศษ แห่งมหาวิทยาลัยทากุโชกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ.2550
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร จากราชการตำรวจ สู่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
พ.ต.ท. ทักษิณ เริ่มทำงานโดยเป็นหัวหน้าแผนกแผน 6 กองวิจัยและวางแผน กองบัญชาการตำรวจนครบาล รองผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข่าวสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาล และอาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2523 พันตำรวจโท ทักษิณ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว ควบคู่ไปกับการรับราชการตำรวจ แต่กลับล้มเหลวและเป็นหนี้กว่า 50 ล้านบาท ทักษิณจึงตัดสินใจลาออกจากราชการ และได้ก่อตั้งบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ จำกัด ในปี 2526 ซึ่งเป็นกิจการที่ให้บริการเครื่องคอมพิวเตอร์แก่สำนักงานต่าง ๆ และให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดาวเทียม อินเทอร์เน็ต เครือข่ายการสื่อสาร และการโทรคมนาคมครบวงจร
ต่อมา บริษัท ชินวัตรฯ ได้ลงนามในสัญญาสัมปทานร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินกิจการโครงการดาวเทียมสื่อสารเป็นครั้งแรกของไทย ภายใต้ชื่อไทยคม เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2534 หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เส้นทางการเมืองของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
สำหรับเส้นทางการเมืองของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี พ.ศ. 2518 ทักษิณเริ่มเข้าสู่วงการการเมืองไทย โดยดำรงตำแหน่งเลขานุการของปรีดา พัฒนถาบุตร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นในปี 2537 ทักษิณ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น
หลังจากที่ลาออก ทักษิณได้เข้าสู่ภาคการเมืองโดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง และได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย และในปีต่อมา ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรมแทนพลตรีจำลอง และดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในปี พ.ศ. 2539 และดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
จนกระทั่งในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2541 พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จนในที่สุดก็ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 และดำรงตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548
โดยทักษิณ ชินวัตร ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีรวมรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 ปี 222 วัน เรียกได้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานเป็นอันดับที่ 5 จาก 29 อันดับของไทยเลยทีเดียว
โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ผลงานเด่นของทักษิณ
โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รัฐบาลทักษิณ ได้เล็งเห็นว่าโครงการดังกล่าว สามารถลดรายจ่ายด้านสุขภาพโดยรวมของประเทศและประชาชน โดยการเสียค่าใช้จ่ายเพียง 30 บาท/ครั้ง และสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานอย่างทั่วถึงจะเท่าเทียม
โดยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในปี พ.ศ. 2545 ประชาชนส่วนใหญ่มองว่านโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นที่พึงพอใจมากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์เล่มใหม่ของการบริการสุขภาพที่ประเทศไทยสามารถสร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าขึ้นมาได้
โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
นอกเหนือจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคแล้ว ในยุครัฐบาลทักษิณ ยังมีอีกหนึ่งนโยบายที่ได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน ได้แก่ โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) โครงการที่สร้างงานสำหรับผู้ไม่มีงานทำ สร้างเสริมรายได้ให้กับเกษตรกร ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้สินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลทักษิณยังมุ่งการขยายตลาดและสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยการเพิ่มช่องทางการตลาด และจัดแสดงสินค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการจัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP City) ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป้นช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
โครงการบ้านเอื้ออาทร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย
โครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อย สามารถมีบ้านเป็นของตนเองได้ง่าย ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านมั่นคง เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่คนจนในชุมชนแออัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างชุมชนที่มั่นคง
