สว.อนุสิษฐ ชี้ประเทศพัฒนามาได้เพราะคนแก่ ย้ำถ้าก้าวไกลร่วม รบ. ไปต่อไม่ได้
สว.อนุสิษฐ ชี้ประเทศพัฒนามาได้เพราะคนแก่ ผู้อาวุโส ที่โดนด่าว่ากะโหลกกะลา ย้ำถ้าก้าวไกลร่วมรัฐบาลไปต่อไม่ได้ ให้เพื่อไทยตัดสินใจ
นายอนุสิษฐ คุณากร สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบไหน จะรวมหรือไม่รวมพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคเพื่อไทย คงพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยดี ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าถือเป็นทางออกที่ดีพอสมควร
เมื่อถามว่าสว.จะรอดูท่าทีการจัดตั้งรัฐบาล ก่อนโหวตนายกฯในวันที่ 27 ก.ค. ว่ามีพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่องสส. แต่สว.ก็มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ อย่าคิดว่า สว.เป็นพรรคการเมืองหนึ่ง หรือ สว.มาจากเผด็จการ ดังนั้น สว.มีหน้าที่ตัดสินใจ เพราะการทำหน้าที่ของสว. มีรัฐธรรมนูญบังคับอยู่ภายใต้เงื่อนไข การรักษาชาติและอธิปไตย รักษาสถาบันหลักของชาติตามหลักรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีการมอบฉันทามติให้เรามา
ตนอยากให้ประชาชนทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่ากลุ่มด้อมส้ม คนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง และกลุ่มคนใส่เสื้อทุกๆสี เพราะเขาเป็นคนไทย ส่วนการเเสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องปกติ แต่การใช้เสรีภาพต้องไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน และไม่กระทบเสรีภาพของผู้อื่น
“การอ้างประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวคงไม่แฟร์กับประเทศชาติ ผมเห็นด้วยที่เยาวชนต้องการเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าพรรคที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องใช้เสียงประชาชน หากก้าวไกลเข้ามา ก็จะเดินไปไม่ได้ และไม่เชื่อว่าพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ใช้นโยบายของพรรคก้าวไกลมาดำเนินการ เพราะบางสิ่งทำได้ ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น”นายอนุสิษฐ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเพื่อไทยยังเจรจาไม่ได้ จะทำให้เลื่อนการโหวตนายกฯออกไปหลังวันที่ 27 ก.ค. หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาและพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลร่วมพูดคุยกัน เพราะสว.ไม่มีหน้าที่เสนอชื่อและรับรองตัวบุคคลเพื่อโหวตนายกฯ เพราะเป็นบทบาทของสส.
ส่วนท่าทีของหลายพรรค ที่ดูจะสบายใจหากไม่มีพรรคก้าวไกลเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย และจะส่งผลให้กลุ่มที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พอใจหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่าเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่ต้องการให้เป็นไปตามนโยบายที่ก้าวไกลหาเสียงไว้ ไม่เชื่อว่าหากไม่มีพรรคก้าวไกลการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิด เพราะหลายสิ่งที่ถูกสะท้อนปัญหาของประเทศ
จากการมองของคนหลายกลุ่ม โดยพรรคก้าวไกลกล้ามองและกล้านำเสนอ ซึ่งเป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ประชาชนต้องเข้าใจว่า ประชาธิปไตยมีสองมุมคือ เป็นรัฐบาลไปบริหารประเทศ หากเป็นฝ่ายค้านก็เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ ยื่นข้อเสนอและความต้องการในฐานะเสียงของประชาชนได้อยู่ดี
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ หากพรรคก้าวไกลถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านแล้วประชาชนจะลงถนน นายอนุสิษฐกล่าวว่า ยอมรับว่ากังวล เพราะการเคลื่อนไหวของมวลชนคือลูกหลานและเพื่อนร่วมชาติ ตอนนี้ขอเพียงอย่าให้บ้านเมืองเกิดวิกฤต สังคมเกิดความไม่สงบ เพราะคนที่รับผิดชอบคือผู้ใหญ่ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่การเอาชนะเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเท่านั้น เพราะบางยุคสมัยมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ที่ผ่านมา ตนก็มองว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และสส.ของพรรคก้าวไกล มีคุณภาพสูงเป็นคนรุ่นใหม่ ประชาชนได้ประโยชน์
แม้จะมีประสบการณ์ในเวลาอันน้อยนิด แต่อย่าหลงลืม ละเลย เพราะการสร้างชาติของพวกเรา มีมาตั้งแต่ผู้เฒ่า ผู้อาวุโส คนแก่ที่บอกว่ากะโหลกกะลา แต่ความจริง คนเหล่านี้สร้างชาติบ้านเมืองมาให้เราอยู่รอดปลอดภัย พัฒนามาได้จนถึงทุกวันนี้ ขอให้ทุกคนกลับไปคิด ซึ่งการเคลื่อนไหวต้องออกมารับผิดชอบเฉพาะตัว แต่ตนเป็นห่วงคนที่ไปชี้นำการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่อันตราย
ต่อข้อถามว่า สว.จะมีการพูดคุยกันก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว นายอนุสิษฐกล่าวว่า ที่ผ่านมาสว.มีความเห็นตรงกันหลายเรื่อง เช่น เรื่องมาตรา 112 เรื่องการปกครองตนเองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกฎหมายอาญาระหว่างประเทศที่ต้องเข้าร่วม ซึ่งประชาชนบางส่วนยังไม่เข้าใจ ดังนั้น ต้องอธิบายผลได้ผลเสียที่ประชาชนจะได้รับ โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศชาติว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการเร่งรัดเข้ามาบริหารประเทศ ต้องเร่งรัดเรื่องปากท้องประชาชนเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้น ขึ้นอยู่กับหลักการของผู้ที่จะจัดตั้งรัฐบาล ว่าจะดำเนินการอย่างไร