ย้อนฟัง ‘หมอชลน่าน’ พูดกับปาก “ประธานสภา” ต้องมาจากพรรคอันดับ 1
ผ่านพ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีขึ้นในวันนี้ 4 กรกฎาคม 2566 โดยผู้ที่ได้ตำแหน่งประธานสภาไปครองนั้นได้แก่ นายนมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ โดยมีผู้รับรอง 20 คน ครบตามข้อบังคับ โดยไม่มีการเสนอชื่อคนอื่นมาแข่งขันด้วย
พร้อมด้วยตำแหน่งรองประธานสภาอีก 2 ที่นั่ง ซึ่งได้แก่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 และ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภาคนที่ 2 ซึ่งแม้ว่าจะผ่านวินาทีประวัติศาสตร์มาได้หนึ่งก้าวแล้ว ก็ยังเหลือขั้นตอนต่อไปคือการจัดตั้งรัฐบาลและโหลตเลือกนายกรัฐ
ซึ่งในขณะนี้แฮชแท็กเกี่ยวกับการเมืองในโลกทวิตเตอร์ก็ระอุไม่แพ้ผลการเลือกประธานสภา ไม่ว่าจะเป็น #ประชุมสภา หรือ #ประธานสภา โดยกระแสดังกล่าวเห็นทีจะเป็นการที่ชาวเน็ตแห่กันขุดคลิป “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” ที่เคยให้สัมภาษณ์กับทาง PPTV เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ไว้ว่าตำแหน่งประธานสภาต้องมาจากพรรคที่ได้รับเลือกอันดับ 1
“หลักการก็คือยอมรับว่า พรรคอันดับ 1 ควรจะได้รับตำแหน่งประธานสภา แต่ถ้ากรณีพรรคอันดับ 1 ได้ประธานสภาไปแล้วเนี่ย ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ ก็คือพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 มีจำนวนเสียงที่ไม่แตกต่างกัน ส่วนพรรคอันดับ 3 เสียงห่างออกไปเยอะมาก เขาก็เสนอความต้องการไปว่าพรรคอันดับ 2 ก็ควรจะได้ตำแหน่งรองประธานสภาทั้งสองตำแหน่ง
เป็นข้อเสนอที่พูดคุยกันภายใน เพื่อจะนำข้อมูลไปพูดคุยกับทางพรรคก้าวไกลอีกครั้ง แต่เวลาสื่อสัมภาษณ์หรือเจาะประเด็นออกไปก็มักจะไปสรุปเองว่าพรรคเพื่อไทยยกตำแหน่งประธานสภาให้กับพรรคก้าวไกล”
นอกจากนี้ก็มีการเผยแพร่คลิปที่ทาง “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 เรื่องตำแหน่งประธานสภาไว้ด้วยว่า โดยหลักการแล้วพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรไปครอง ความว่า
“พรรคเพื่อไทยก็ยังยืนยันว่า โดยหลักการขึ้นอยู่กับว่าใครได้เป็นพรรคอันดับ 1 ก็จะได้ตำแหน่งประธานสภาเป็นของตน ส่วนพรรคอันดับ 2 ถ้าห่างกันไม่มากก็ควรจะได้รองประธานสภาทั้งสองคน อันนี้พูดถึงหลักการแต่ยังไม่เอ่ยชื่อพรรคใด และยังไม่ได้บอกว่าจะยกให้ใคร”
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตจำนวนมากที่มองว่าพรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมกลับกลอก ก่อนเลือกตั้งพูดอกีอย่าง ก่อนเลือกประธานสภาพูดอีกอย่าง และไม่รู้ว่าในวันเลือกนายกจะยังคงเส้นคงวากับแนวร่วมประชาธิปไตยอยู่หรือไม่ ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป