รัฐบาลยืนยัน สะพานไทยเบลเยี่ยมแอ่น ไม่เป็นความจริง ไม่พบความผิดปกติ
รัฐบาลออกโรงยืนยัน สะพานไทยเบลเยี่ยมแอ่น ไม่เป็นความจริง สำนักการโยธาตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติ เตือนคนแชร์ระวังมีโทษ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลและข่าวทางโซเชียลมีเดีย ระบุ “ตอนนี้อย่าผ่านไป สะพานไทย-เบลเยียม นะ สะพานแอ่นลง กลัวอันตราย จส.100 แจ้งมา” นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ได้มีการเข้าไปตรวจสอบ “สะพานไทย-เบลเยียม” แล้วยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติและสะพานมีความ มั่นคงแข็งแรงดี สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ
นายอนุชาฯ ย้ำว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนต่อปัญหาข้อมูลอันเป็นเท็จบนโลกอินเทอร์เน็ตและช่องทางออนไลน์ประเภทต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ไลน์ ฯลฯ โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบ หากพบข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง ให้รีบแก้ไขปัญหา และชี้แจงให้ข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนและสังคมรับทราบโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลหรือข่าวสารที่เป็นเท็จขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น อันจะส่งผลเสียหายต่อประชาชนทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
“ขอย้ำให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงการใช้เทคโนโลยีและการรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ โดยเฉพาะในโลกสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ต้องเป็นไปอย่างรู้เท่าทัน และมีการคิดวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชื่อถือได้ ก่อนที่จะเชื่อและแชร์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อตนเองและผู้อื่นรวมถึงสังคมในวงกว้าง อีกทั้งการแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จยังเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
หากการแชร์ข้อมูลนั้นไปกระทบกับบุคคลอื่น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายอนุชาฯ กล่าว