ช็อกวงกาบันเทิงญี่ปุ่น หลังต้นสังกัดเผยแล้ว “เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ” ยอมรับมีความสัมพันธ์คบชู้กับ “ชูซากุ โทบะ” เชฟมิชลินสตาร์ชาวญี่ปุ่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้บอกปัดปฏิเสธมานานหลายวัน ล่าสุด เรียวโกะ ประกาศถูกพักงานอย่างไม่มีกำหนด
เมื่อวันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566 สำนักข่าวและสื่อโซเชียลต่างประเทศ รายงานว่า “เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ” (Hirosue Ryoko) นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น วัย 42 ปี ได้ออกมายอมรับว่าตนมีความสัมพันธ์นอกใจเชิงชู้กับ “ชูซากุ โทบะ” (Toba Shusaku) เชฟหนุ่มดีกรีรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว อายุ 45 ปี เจ้าของร้านอาหารฝรั่งเศส ซิโอะ (Sio restaurant) ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังถูกถ่ายภาพขณะเช็กอินในโรงแรมแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว บุนชุน ออนไลน์ ของประเทศญี่ปุ่น ได้ระบุว่า ทั้ง เรียวโกะ ฮโรสุเอะ และ ชูซากุ โทบะ ต่างแต่างงานมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ได้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์นอกใจไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ Flamme ซึ่งต้นสังกัดของ เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ ได้ออกมาชี้แจงบนอินสตาแปรมเมื่อวันพุธที่ 14 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยยอมรับข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า
“ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณโทบะเป็นไปตามที่อธิบายไว้ในบทความ” เธอกล่าว “เหนือสิ่งอื่นใด ฉันรู้สึกเสียใจสำหรับความโศกเศร้าและความเจ็บปวดที่ฉันก่อขึ้นกับครอบครัวของคุณโทบะ”
“ฉันอยากจะพูดว่า ‘ฉันขอโทษ’ โดยตรงกับครอบครัวและลูก ๆ ของฉันเอง พวกเขาเข้าใจและยอมรับฉันในฐานะแม่ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”
อย่างไรก็ตาม ต้นสังกัดของเธอ ได้ประกาศ ให้เรียวโกะหยุดพักอย่างไม่มีกำหนด
เรียวโกะเสริมว่า “ฉันอยากจะคิดถึงชีวิตของฉันต่อจากนี้ไป จำไว้ว่าฉันได้ทำลายอาชีพนักแสดงในฝันของฉันและได้ทำบาปด้วยการทำร้ายครอบครัวของคุณ โทบะ”
ทั้งนี้ ชูซากุ โทบะ เชฟมิชลินสตาร์ มีรายงานว่าเขา มีลูกกับภรรยานอกวงการ พร้อมทั้งได้ยอมรับเรื่องราวทางทวิตเตอร์เช่นเดียวกัน โดยระบุข้อความว่า “ทุกอย่างเกิดจากความอ่อนแอและความยังไม่บรรลุนิติภาวะของผม แม้จะเป็นบุคคลสาธารณะก็ตาม”
“ผมถูกถามเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และให้คำตอบที่ตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง” เขากล่าว “มันเป็นผลมาจากความอ่อนแอของฉัน และเหนือสิ่งอื่นใดคือไหวพริบของฉัน ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้ง”
แม้ว่าปัญหาความสัมพันธ์การนอกใจจะสามารถเกิดได้กับคู่รักทั่วโลก ทุกช่วงเวลา โดยที่มีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างที่เป็นสาเหตุของการจบความสัมพันธ์ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ “ความซื่อสัตย์” และ “เคารพอย่างนอบน้อม” ซึ่งกันและกันนั่นเองครับ.
อ้างอิง : 1