พ่อน้องเตย โผล่ยันเองไม่เคยทิ้งลูกไว้กับย่า หลักฐานเคยส่งของให้ย้ำชัดไม่ได้หวังเงินบริจาค ย่าโต้กลับแรงเล่าคนละเรื่อง ทำเหตุส่อวุ่นหนักจะจบยังไง
กลายเป็นเรื่องราวโอละพ่อที่สังคมและชาวบ้านในพื้นที่กำลังช่วยกันเค้นหาความจริงกันอย่างถึงที่สุด จากกรณีที่ ครูอุ้ม น.ส.พัชรินทร์ อายุ 34 ปี ครูโรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์คลิปเล่าเรื่องราวสู้ชีวิตของ “น้องเตย” เด็กหญิงอายุ 4 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับ “ย่าตาบอด” ทั้ง 2 ข้าง ตามลำพัง
โดยต่อมาหลังจากสังคมได้รับทราบข่าวก็พากันบริจาคเงินช่วยเหลือให้ไม่ขาดสายจนยอดบริจาคมากกว่า 1 ล้านบาท
ล่าสุด ความคืบหน้าในส่วนของบิดาแท้ ๆ ซึ่งเป็นพ่อบังเกิดเหล้าของน้องเตย ก็มีการออกมาเคลื่อนไหวแล้ว โดยจากรายงานของทีมข่าวโหนกระแสระบุ ขณะนี้พ่อของน้องเตยได้ติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลของเพจโหนกระแส ยืนยันตัวเองไม่เคยทิ้งลูก และไม่ได้หย่าร้างกับแม่ของน้อง
พ่อน้องเตย ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันตนทำงานอยู่ที่ระยอง แต่ก็จะกลับมาหาลูกเสมอ และยังมีหลักฐานซื้อของฝากให้ตลอด ส่วนลูก ๆ นั้น พ่อน้องเตยบอกว่าตัวเองมีบุตรทั้งหมด 2 คน น้องเตยเป็นลูกคนเล็ก อาศัยอยู่กับคุณย่า ส่วนคนโตเป็นผู้ชาย เรียนชั้น ป.6 อาศัยอยู่กับคุณยาย
เรื่องที่มองว่าพอเป็นข่าวดัง แล้วจึงออกมาเปิดเผยตัวหวังจะมาเอาเงินบริจาคของลูกหรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวชายผู้ให้ดำเนิดหนูน้อยชีวิตแสนน่าสงสารก็ขอยืนยันกับทีมงานของรายการดังว่า “ไม่ได้ต้องการเงิน” แต่ที่ออกมาเพราะแค่อยากพูดความจริงเนื่องจากตัวเองไม่เคยทอดทิ้งลูกตามที่เป็นข่าว
เรื่องยังไม่จบ ! เหตุ ย่าโต้พ่อน้องเตยพูดคนละเรื่อง
เรื่องราวสู้ชีวิตของ 1 เด็กหญิงและย่าผู้มีพระคุณหลังจากฝ่ายพ่อเด็กปรากฏตัวพร้อมกับชี้แจงที่มาที่ไปต่าง ๆ ทั้งหมด แต่ดูเหมือนเรื่องก็ยังไม่มีทีท่าจะจบง่าย ๆ เพราะหลังจากที่พ่อน้องเตยออกมาให้ข้อมูลได้เพียงไม่นาน ฝั่งของย่าน้องเตยซึ่งเป็นผู้พิการทางการมองเห็น ได้ออกมาตอบโต้ โดยเป็นการให้ข้อมูลสวนทางกับสิ่งที่พ่อเด็กเล่ามาทั้งหมด
คุณย่า ระบุ ตนเองเลี้ยงน้องเตยมาตั้งแต่คลอดมาได้เพียง 8 วัน และที่พ่อเด็กบอกส่งของส่งอะไรมาให้ ย่ายืนยันเองทุกวันนี้ไม่เคยได้อะไรเลย เงินก็ไม่เคยได้รับของจากลูกชายที่ส่งมาให้ลูกแม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่เคยมีมาทั้งสิ้น
ด้าน ครูอุ้ม ได้ปฏิเสธเรื่องที่คุณพ่อน้องอ้างว่าเคยติดต่อกัน โดยยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักคุณพ่อน้อง และไม่เคยติดต่อกันมาก่อน ขณะเดียวกันยังพบว่า พ่อน้องเตยได้ส่งหลักฐานฝั่งตัวเองมาให้ทีมเพจโหนกระแสอีกครั้งหลังจากออกมาเปิดเผยตัวซึ่งเป็นภาพที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กในวันที่ไปส่งน้องเรียนวันแรก และยังมีภาพซื้อจักรยานและรองเท้าให้ลูกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดยังคงต้องรอดูท่าทีและความชัดเจนจากทางย่าและเด็กหญิงอีกครั้ง ว่าจากนี้จะเดินหน้าและเอาอย่างไร โดยเวลานี้มีคนติดต่อเข้ามาช่วยเหลือจำนวนมาก โดยครูอุ้มแจ้งว่าอตนนี้มีคนเสนอเข้ามาช่วยเรื่องการศึกษาที่อยากจะส่งน้องเรียนจนจบปริญญา โดยประเด็นเรื่องการศึกษานี้มีคนต้องการช่วยอย่างมาก ถึงขนาดที่ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงกับหลุดปากออกมาเองเลยว่า ถ้ายังไม่มีใครยืนยันจะรับอุปการะน้องในเรื่องการเรียน ตนจะขออนุญาตรับผิดชอบเรื่องให้เองเลยทีเดียว.
ทั้งนี้ อาการพิการทางสายตาของคุณยาย ครูอุ้ม บอกว่า คุณยายพิการทางสายตาตั้งแต่เกิด 1 ข้าง อีกข้างเริ่มมีปัญหาหลังลูกมะพร้าวร่วงใส่ศีรษะ ก่อนบอดสนิทในเวลาต่อมา ทุกวันนี้อาศัยให้หลานช่วยจับมือทำกับข้าว อย่างใส่ฟืนเราก็เป็นห่วง เพราะอยู่กันแค่ 2 คน
หากไฟไหม้ขึ้นมาก็ไมรู้จะทำอย่างไร เรื่องอาหารส่วนใหญ่จะเป็นไข่เจียว หรืออะไรก็ได้เท่าที่หาได้ น้องเตยเคยบอกยายว่าถ้าไม่มี “หนูกินเกลือก็ได้” ส่วนงานบ้านอย่างอื่น ส่วนใหญ่น้องเตยก็จะทำให้โดยไม่งอแง เพราะเขารู้ว่าต้องทำ ต้องช่วยยาย
ที่ผ่านมาคุณยายไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ แม้แต่ลูกก็ไม่ได้ส่งให้ ที่ห่วงที่สุดคือหลาน อยากให้หลานมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีครัวไว้ทำกับข้าวเพียงแค่นั้น ไม่ได้อยากได้อะไรให้ตัวเอง
รวมถึงครูได้บอกน้องเตยไปแล้วว่า ” มีพี่ๆใจดีช่วยเหลือหนูเยอะมาก หนูจะมีขนมกิน หนูจะมีที่หลบฝนแล้วนะ หนูจะมีบ้านดี ๆ เหมือนคนอื่นแล้วนะ” ซึ่งน้องเตยก็บอกว่า “หนูอยากมีบ้านสีชมพู”.
