‘หนุ่มเมืองจันท์’ ชี้มี ขบวนการล้มพิธา 3 ฝ่ายร่วมมือกัน ขุดปม ITV
หนุ่มเมืองจันท์ เผยมี ขบวนการล้มพิธา แบ่งเป็น 3 ฝ่ายร่วมมือกันขุดหลักฐาน ITV สกัดขาไม่ให้แคนดิเดตพรรคก้าวไกลได้นั่งนายก
เพจ หนุ่มเมืองจันท์ นักเขียนชื่อดังได้โพสต์ข้อความกรณีรายการข่าว 3 มิติ เปิดคลิปประชุมผู้ถือหุ้น ITV โดยในคลิประบุว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับสื่อ รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน จนกลายเป็นกระแสฮือฮาในสื่อสังคมออนไลน์ ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
หนุ่มเมืองจันท์ชี้ว่ามี 3 ฝ่าย ที่ร่วมมือกันช่วยสกัดขาไม่ให้นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯจากพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ““แยม” ฐปณีย์ เปิดคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีในรายการ “ข่าว 3มิติ” จับพิรุธการร้องการถือหุ้นไอทีวีของ “ทิม-พิธา”
จนมีคนตั้งข้อเกตุว่าคล้ายกับมีขบวนการสมคบคิดเพื่อล้ม “พิธา” ก่อนหน้านี้มีการเปิดหลักฐานบันทึกการประชุมไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า “ไอทีวี” ยังทำสื่ออยู่เพื่อมัด “พิธา” ในเอกสารการประชุมระบุว่า นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นสอบถามว่า “ไอทีวี” มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่ออยู่หรือไม่ ประธานในที่ประชุมตอบว่า “ปัจจุบันบริษัทยังมีการดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ” นั่นคือ ข้อความในบันทึกการประชุม
แต่ในคลิปการประชุมผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ที่ “แยม” เปิดในรายการ “ข่าว 3มิติ” วันนี้ ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามข้อความในบันทึกการประชุม “ความจริง” เป็นแบบนี้ครับ นายภาณุวัฒน์ ถามว่า “มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ” นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม ตอบว่า“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆนะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”
คลิปนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการจัดการ “ทิม-พิธา” เรื่อง “ไอทีวี” ไม่ใช่กระบวนการปกติ
แต่เหมือนเป็น “ขบวนการ” แบบร่วมด้วยช่วยกัน มีการสร้างเอกสารชิ้นนี้ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย อย่างน้อย 3 ฝ่าย
ฝ่ายแรก ส่งลูกน้องไปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี และตั้งคำถามเรื่องการดำเนินการเรื่องสื่อ แต่คำตอบไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง อย่าลืมว่าผู้ถือหุ้นคนนี้เข้าประชุมด้วยตัวเอง เขาต้องได้ยินกับหูว่าคำตอบไม่ตรงกับบันทึกการประชุม แต่ทำไมถึงยืนยันข้อความในเอกสาร หรือเป็นเพราะได้รับสัญญานจากฝ่ายที่สองที่สมคบคิด?
ฝ่ายที่สอง ต้องมีอำนาจสูงมากที่สามารถสั่งให้เลขานุการบริษัทเปลี่ยนคำในบันทึกการประชุมจาก “ขาว” เป็น “ดำ” เพื่อมัด “พิธา” ว่า “ไอทีวี” ยังทำธุรกิจสื่ออยู่ และมีอำนาจที่สั่งให้ประธานในที่ประชุมยอมเซ็นรับรองเอกสารชิ้นนี้ คนๆนี้ถ้าไม่เกลียดหรือโกรธ “พิธา” เป็นการส่วนตัว เขาต้องเดือดร้อนมากหาก “พิธา” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
และฝ่ายที่สาม คือ คนที่รับเรื่องทั้งหมดไปยื่นร้องเรียนที่ กกต. เรื่องนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากครับ”