‘โบว์ เมลดา’ ตอบชัด ‘หุ่นหนูน่าขย้ำ’ สวนปมชาวเน็ตแซะว่าอ้วน
เคลียร์ปมรูปร่าง! หลังจากที่ล่าสุด “เมลดา สุศรี” หรือ “โบว์ เมลดา” นักแสดง นักร้อง และนางแบบสาวชาวไทย ตอบแล้วว่า ตัวเองไม่ได้ปล่อยตัวแต่ว่า “เราเป็นคนน่าขย้ำ” เป็นคนที่มีลักษณะร่างกายโครงใหญ่ สัดส่วนเป๊ะปังมีสเน่ห์ตามสไตล์หุ่นฝรั่ง หลังจากเกิดดราม่าชาวเน็ตวิจารณ์ทำไม อ้วนขึ้น อวบขึ้น อยากให้ลดขนาดต้นแขน
เมื่อวันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 “เมลดา สุศรี” หรือ “โบว์ เมลดา” ได้ร่วมงานเปิดตัวซิงเกิ้ล “แนะนำให้เป็นแฟนเรา” ที่ อาคาร มาลีนนท์ 1 ชั้น 10 เจ้าตัวได้ออกมาตอบคำถามสื่อกรณีดราม่าโดนแซะรูปร่างว่า “อ้วนขึ้น” โดยบอกว่า “ไม่ได้ปล่อยตัวนะ แต่อาจจะด้วยความที่เราแบบเป็นคนน่าขย้ำอ่ะ มันก็เลยอาจจะดูน่ารักไปอีกแบบ อีกอย่างคือร่างกายของเราแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราเป็นคนโครงใหญ่ สัดส่วนเรามันเชฟบ๊ะ แบบหุ่นฝรั่ง มันก็เลยยากนิดนึงในการลด”
“โบว์ เมลดา” แจงดราม่าโดนแซะว่า “หุ่นอ้วน” พร้อมอัปเดตข่าว “อาเล็ก ธีรเดช”
โบว์ เมลดา แจงรายละเอียดต่อสื่อต่าง ๆ ที่ได้สอบถามข้อมูลดังกล่าว ยืนยันว่าตนเองรับทราบโพสต์การแสดงความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่ก็คิดได้แค่ว่าช่างมัน ปล่อยเรื่องราวทั้งหมดให้ใหลออกไป ทว่าแม้จะบอกตัวเองว่าก็แค่คำวิจารณ์ทั่วไปบนโลกโซเชียล แต่ตนเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย
โบว์ เมลดา สุศรี กล่าวประมาณว่าทุกคนมีมาตรฐานความสวยงามไม่เหมือนกัน สำหรับตัวเราเองรูปร่างแบบนี้คือมั่นใจและภูมิใจมากแล้ว พร้อมกับยกตัวอย่างความคิดเห็นในเชิงติติง อาทิ “อยากให้เน้นออกกำลังกายนะ ลดช่วงเอว ลดช่วงต้นแขน…”
ต่อมาสาว โบว์ เมลดา ก็ถูกถามอีกว่าเคยเจอบุคคลอื่นชวนสนทนาประมาณนี้ไหม? ก่อนจะตอบกลับนักข่าวตามสไตล์สาวตัวแม่ในวงการบันเทิงออกไปว่า “จริงๆ มันก็มีหลายเรื่องให้คุยเนอะ ก็อารมณ์แบบ ‘อ้วนขึ้นป่ะ ผอมลงป่ะ’ …อ้วนขึ้นแล้วบ้านมันแคบลงป่ะ หรือยังไง คือฉันก็ทำงานของ และฉันก็พยายามผอมให้แหละ แต่ผอมในแบบที่เราเองก็สุขภาพดี ไม่เหี่ยว ไม่โทรม…”
นอกจากนี้ “พี่แอนทอง” ก็เคยชวนทักไปออกกำลังกาย แต่เมื่อเขาได้เห็นและเข้าใจรูปร่างที่แท้จริงของเราก็เข้าใจว่าโครงสร้างร่างกายมันเป็นแบบนี้จริง ๆ ไม่ใช่อ้วนเพราะปล่อยเนื้อปล่อยตัว
ต่อมาสาว โบว์ เมลดา ก็ได้ตอบประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่ม อาเล็ก ธีรเดช และการวางแผนสร้างครอบครัว หลังคุณแม่บ่นกับนักข่าวว่าอยากอุ้มหลานแล้ว
ก่อนหน้านี้คุณแม่ออกมาพูดชัดเลยว่าอยากอุ้มหลาน ? ตลกดีค่ะ ก็แบบเขามาขอหรือยังแม่ (หัวเราะ) แต่ก็เข้าใจนะ คือด้วยวัยของเรา 27-28 แล้ว มันก็ถือว่าเป็นช่วงวัยที่ควรจะมีลูก เพราะสภาพร่างกายต่างๆ มันพร้อม แต่ติดที่เราเองมากกว่า คือเราอยากจะทำงานก่อน
คุณแม่พูดความต้องการชัดเจนขนาดนี้ อาเล็ก เขามีฟีดแบคยังไงบ้าง ? เขาก็ไม่ได้อะไรค่ะ คือตลกอ่ะ คุณแม่เป็นคนตลก ท่านพูดไปอย่างนั้นแหละ ให้บรรยากาศมันจอย (หัวเราะ)
แต่คุณแม่ท่านพูดชัดเจนมากเลยนะ ? ท่านก็อยากให้มีแหละ เพราะท่านกลัวว่าในอนาคตอายุเยอะแล้วเราจะมียาก
จริงๆ ตัวเราเองเห็นภาพงานแต่งหรือได้คิดไว้บ้างไหม ? เห็นค่ะ เห็นแบบวาดฝันไว้เลยว่างานแต่งจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ คือคุยกันเลยสองคน เพราะว่าเราเป็นพวกช่างฝันทั้งคู่ (หัวเราะ) แต่ก็ต้องปัดออกกันบ้าง เนื่องจากมันพูดไปเรื่อย
งานแต่งในฝันของเราต้องเป็นแบบไหน ? ชอบดอกไม้ค่ะ ดอกไม้เยอะๆ เพราะเราอยู่กับดอกไม้แล้วสวยมาก ส่วนธีมก็อาจจะเป็นแนวมินิมอล ก็ไม่แนวคัลเลอร์ฟู แต่จะเน้นสบายๆ เข้าใจง่าย น่าจะประมาณนั้น
อารมณ์ไหนถึงได้อยู่ดีๆ มานั่งคุยกันเรื่องแต่งงาน ? มันเหมือนการคุยไปเรื่อยมากกว่า อย่างเวลาเราเห็นคนนั้นคนนี้แต่งงาน หรือไปเจอชุดแต่งงานสวยๆ เราก็คุยกัน ประมาณนั้นค่ะ
ตอนที่เราคุยกันเรื่องนี้ อาเล็ก เขาว่ายังไงบ้าง ? เขาบอกว่า โอเค คือโอเคแค่นั้นเลบ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต และเราเองก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า สุดท้ายแล้วเราจะได้เลิก หรือเราจะได้แต่ง
จริงๆ ตัวเขาเองดูมีวี่แววว่าอยากแต่งงานไหม ? เขาอยากแต่งงานอยู่แล้วค่ะ เพราะหนูสวย (หัวเราะ) คือมันอาจจะด้วยวัยของเขานั่นแหละค่ะ
ถ้าเขาอยากแต่งแล้ว แสดงว่าติดที่เรา หรือเราแค่รอให้เขามาขอ ? ทั้งสองอย่างค่ะ จริงๆ เราเองก็พร้อม เขาเองก็พร้อม แต่มันอยู่ที่วัย จังหวะ และการทำงานมากกว่า คือก่อนหน้านี้เคยคิดไว้เหมือนกันนะว่า 27 อยากจะแต่งงานมีลูก แต่ไปๆ มาๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โตพอที่จะเป็นแม่คนขนาดนั้น ถ้าหากมีลูกจริงๆ ก็สงสารลูกอ่ะค่ะ ให้เขามีแม่เมื่อพร้อมดีกว่า (หัวเราะ)
ความสัมพันธ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ? ดีค่ะ สนุกดี แต่เจอกันไม่ค่อยบ่อย เรียกว่าเจอกันน้อยขึ้นทุกวัน เพราะต่างคนต่างก็อยากที่จะเต็มที่กับงาน ส่วนวิธีเติมความหวานก็จะมีแบบ โทรหาบ้าง นัดเจอบ้าง มีงอแงบ้าง คือเราทั้งคู่ว่างไม่ตรงกันสักที
รูปภาพจาก : @bow_maylada