ค้นบ้าน 9Near เจออุปกรณ์เกี่ยวข้องเพียบ สั่งค้านประกันตัว กลัวหนี
ตำรวจบุกค้นบ้าน 9Near หรือ จ่าสิบโทแฮกเกอร์ เผยพบอุปกรณ์เกี่ยวข้องเพียบ มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่มือสมัครเล่น สั่งค้านประกันตัว กลัวหนี
พล.ต.ท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สัมภาษณ์ภายหลังค้นบ้าน 9Near จ่าสิบโทแฮกเกอร์ หรือ จ่าสิบโทเขมรัตน์ บุญช่วย หลังจากที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อช่วงเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท. วรวัฒน์ กล่าวว่า จากการค้นบ้าน พบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ทั้งฮาร์ดดิสก์ 7-8 ตัว อุปกรณ์รีโมทควบคุมทางไกล โน๊ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ อุปกรณ์สำหรับซ่อมคอมพิวเตอร์ เลาร์เตอร์ พอกเก็ต Wi-Fi 3 ค่ายโทรศัพท์ ซึ่งเชื่อว่าจ่าสิบโทเชี่ยวชาญมีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่มือสมัครเล่น
การตรวจค้นครั้งนี้ พบพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับคำให้การของผู้ต้องหา ว่าเป็นคนซื้ออุปกรณ์มา โดยทางตำรวจมองว่า กลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ก็จะหาช่องทางที่จะแสดงตัวตนและความสามารถของตัวเอง จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ส่วนการที่ไปซื้อข้อมูลในดาร์กเว็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล เนื่องจากเป็นเครือข่ายเว็บไซต์ที่ซื้อมาเป็นของต่างประเทศ ส่วนราคาซื้อที่จ่าสิบโทอ้างว่า ซื้อข้อมูลส่วนบุคคลมาในราคา 8,000 บาทนั้น เป็นเพียงคำให้การเบื้องต้น ตำรวจมีสิทธิจะเชื่อหรือไม่อยู่ที่พยานหลักฐาน
ส่วนเรื่องการนำข้อมูลไปขายต่อหรือไม่นั้น ตามคำให้การยืนยันว่า จากการสอบปากคำมี 3 เจตนารมณ์ในการโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลนี้ 1 คือเพื่อต้องการประกาศขาย เนื่องจากต้องการเงิน 2.ต้องการโพสต์ให้คนสนใจ ใช้ข้อมูลของบุคคลมีชื่อเสียงในลักษณะการข่มขู่ และสุดท้ายพอรู้ว่ามีการติดตามจับกุม ก็การเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องการเมือง
เบื้องต้นการหลบหนีผู้ต้องหาคงคิดว่าตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ จึงหลบหนีโดยขับรถไปจังหวัดเชียงราย ระหว่างหลบหนีไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และทิ้งเครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง แต่มีการทิ้งเบาะแส คือ การแวะไปหาเพื่อนตามสถานที่ต่างๆ ก่อนมุ่งไปที่จังหวัดเชียงรายเพียงคนเดียว ขณะที่เส้นทางการเงินจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการเชื่อมโยงไปถึงภรรยา เพราะพบว่าในบัญชีภรรยามีจำนวนเงินหลักร้อยเท่านั้น
ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยังบอกอีกว่า จากการสืบสวนตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ พบ IP อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตรงกับที่พักของจ่าสิบโท และเมื่อตรวจพยานแวดล้อมและสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็นำไปสู่การรวบรวมหลักฐานจนสามารถจับผู้ต้องหาได้ในวันนี้
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะมีบุคคลอื่นหรือมีผู้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ มองว่า ไม่น่าเกี่ยวข้อง เนื่องจากการตรวจสอบที่พักพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง หากมีคนสั่งการหรือมีหน่วยงานที่ควบคุมดูแล ก็ควรจะมีสถานที่ ที่เป็นความลับในการก่อเหตุมากกว่า
หลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนและทหารพระธรรมนูญจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหารทันที โดยท้ายคำร้องได้ “คัดค้านการประกันตัว” เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี โดยมีระยะเวลาฝากขังผัดแรก ตั้งแต่วันที่ 12-23 เมษายน รวมระยะเวลา 12 วัน
‘ชัยวุฒิ’ แถลงปม ‘จ่าสิบโทแฮกเกอร์’ มอบตัว เผยไม่ได้แฮก แต่ซื้อข้อมูลมา