เริ่มวันนี้วันแรก 1 เมษายน รัฐบาลโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 รุ่นใหม่ ใครยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วได้มีเฮ แต่อย่าลืมเช็กเงินช่วยเหลือสนับสนุนจากทางรัฐบาลว่าบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านใดบ้าง และจะทยอยโอนเงินเข้าบัตรประชาชนของผู้ร่วมโครงการบัตรคนจนวันไหน พร้อมแนะนำวิธีแก้ปัญหาสำหรับคนยืนยันตัวตนไม่ทันใช้สิทธิวันนี้ ติดตามอ่านข้อมูลข่าวสารโครงการรัฐไปกับเดอะไทยเกอร์ได้เลย
ยืนยันตัวตนภายใน 26 มี.ค. 66 เริ่มใช้สิทธิ 1 เม.ย. 66
ความคืบหน้าเกี่ยวกับผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ตามโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. พบว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 12,830,846 ราย (ร้อยละ 87.90 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 14,596,820 ราย) และจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 1,209,231 ราย
สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำเร็จเสร็จสิ้นภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา และทำการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือบรรเทาค่าใช้จ่ายงวดแรกในวันที่ 1 เมษายน และงวดที่สองในวันที่ 18 เมษายน ตามรายละเอียดดังนี้
วันที่ 1 เมษายน 2566
- วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ได้คนละ 300 บาทต่อเดือน ใช้จ่ายได้ที่ร้านธงฟ้าตั้งแต่เวลา 05.00–23.00 น. ของทุกวัน
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 100 บาทต่อคนต่อ/เดือน
- วงเงินค่ารถโดยสารสาธารณะ ได้คนละ 750 บาทต่อเดือน
วันที่ 18 เมษายน 2566
- ส่วนลดค่าไฟฟ้า วงเงินไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน/เดือน
- ส่วนลดค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน/เดือน
ยืนยันตัวตนหลัง 26 มี.ค. 66 จะได้ใช้สิทธิวันไหน
สำหรับผู้ร่วมโครงการอีกกว่า 2 ล้านราย ที่ยืนยันตัวตนไม่ทันวันที่ 26 มีนาคม 2566 และพลาดโอกาสใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน 2566 ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะทางโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐยังเปิดให้ยืนยันตัวตนได้เรื่อย ๆ ตามกำหนดการดังนี้
- ยืนยันตัวตน 27 มีนาคม – 26 เมษายน 2566 เริ่มใช้สิทธิ 1 พฤษภาคม 2566
- ยืนยันตัวตน 27 เมษายน – 26 พฤษภาคม 2566 เริ่มใช้สิทธิ 1 มิถุนายน 2566
- ยืนยันตัวตน 27 พฤษภาคม – 26 มิถุนายน 2566 เริ่มใช้สิทธิ 1 กรกฎาคม 2566
ผู้ที่ยืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 26 มิถุนายน 2566 จะได้รับสิทธิย้อนหลังไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ เช่น เริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ก็จะได้รับเงินบรรเทาเยียวยาตั้งแต่ เมษายน-มิถุนายน โดยสิทธิย้อนหลังนี้จะให้เฉพาะวงเงินสำหรับซื้อสินค้า ณ ร้านธงฟ้า เท่านั้น
- ยืนยันตัวตน 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป เริ่มใช้สิทธิ 1 สิงหาคม 2566
ทั้งนี้ผู้ที่ยืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายซื้อของร้านธงฟ้าย้อนหลัง แต่จะได้รับสิทธิเงินเยียวยาเฉพาะเดือน ที่ทางกระทรวงการคลังตั้งวงเงินไว้ให้
ในส่วนของเงินช่วยเหลือก็จะเป็นวงเงินเดียวกับที่จ่ายให้ในเดือนเมษายน ได้แก่ ค่าซื้อสินค้าร้านธงฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่ารถโดยสารสาธารณะ ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา โดยทางกระทรวงการคลังจะจ่ายให้เงินช่วยเหลือให้ทุก ๆ วันที่ 1 และ 18 ของเดือนที่ได้รับสิทธิ
และที่สำคัญมาก ๆ อีกหนึ่งเรื่องคือ ผู้ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วจะสามารถใช้สิทธิเงินช่วยเหลือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 ได้ก็ต่อเมื่อผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
สรุปข้อมูลอีกครั้งสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบัตรสวสัดิการแห่งรัฐ 2566 และยืนยันตัวตนพร้อมผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนเสร็จสิ้น ภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะได้ใช้สิทธิวันแรก 1 เมษายน 2566 นี้ ส่วนคนที่ยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มีนาคม ก็จะได้รับสิทธิตามกำหนดการที่กล่าวไปข้างต้น
ดังนั้นใครยังไม่ยืนยันตัวตนและผูกบัญชีพร้อมเพย์ก็ขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ไม่พลาดสิทธิการใช้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 ในรอบล่าสุดนี้
วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2566 จะเป็นวันแรกของการใช้สิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 (ผู้มีสิทธิฯ) ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 12,565,862 ราย สามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนี้
1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท ได้แก่ (1) รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (2) รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
(3) รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Mass Transit System : BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (Metropolitan Rapid Transit : MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (4) รถไฟ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่งเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิฯ ได้แก่
(1) รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
(2) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน
(3) รถสองแถวรับจ้าง
(4) เรือโดยสารสาธารณะ
หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป
4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท
และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิฯ มีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ จะเป็น
ผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ผู้มีสิทธิฯ ที่ประสงค์รับสิทธิในมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจะต้องดำเนินการลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการดังกล่าวก่อนการเริ่มใช้สิทธิตามกรอบเวลาที่ผู้ให้บริการกำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีสิทธิฯ ได้ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้า
ส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาภูมิภาค โดยผู้มีสิทธิฯ ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาก่อนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นครั้งแรกของประชาชนที่จะมีการใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ก๊าซหุงต้ม และค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ ประกอบกับเป็นวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้เปิดให้บริการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Call Center) ในช่วงวันที่ 1 – 2 เมษายน 2566 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน กรณีผู้มีสิทธิฯ มีข้อสงสัยสามารถติดต่อ
Call Center โทร. 02 109 2345
สำหรับผู้ประกอบการร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ขอให้เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และปรับปรุงแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้เป็นรุ่น (version) ปัจจุบันเพื่อรองรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิฯ โดยสามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1. ร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านเครื่อง EDC สามารถปรับปรุงระบบให้เป็น version ปัจจุบัน ได้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
2. ร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” สามารถปรับปรุงระบบให้เป็น version ปัจจุบันได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด พบปัญหาในการปรับปรุงระบบให้ เป็น version ปัจจุบัน หรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อศูนย์บริการข้อมูลแก้ไขปัญหาร้านค้า (Merchant Call Center) โทร 02 111 1111 กด 2 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 ยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด และสามารถเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งในการยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และ
ต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้
ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการ หากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ซึ่งในกรณีนี้ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และหากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ให้ดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง นอกจากนี้ การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จอาจเกิดจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ซึ่งผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ
กรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่านขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทยเพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทยต่อไปโดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th