‘วิกรม’ บริจาคทรัพย์สิน 20,000 ล้านบาทให้สังคม ลดบทบาทประธานอมตะ
วิกรม กรมดิษฐ์ ประกาศบริจาคทรัพย์สิน 20,000 ล้านบาทให้สังคม เนื่องในโอกาสวันเกิดครบรอบ 70 ปี พร้อมลดบทบาทประธานอมตะ
นาย วิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ แถลงเนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุ 70 ปี ว่า นับเป็นวาระสำคัญของการวางแผนชีวิตเพื่อส่งต่อความมั่นคงต่อการดำเนินงานของมูลนิธิอมตะอย่างไม่สิ้นสุด
จึงได้ทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินส่วนตัวให้กับมูลนิธิอมตะมูลค่ากว่า 95% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ คิดเป็นมูลค่ารวม2หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน อาคาร คอนโดมิเนียม หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนตัวอื่นๆ เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง อันจะนำไปสู่หนึ่งในกลไกการยกระดับคุณภาพสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจไทย
พร้อมยัง ลดบทบาทหน้าที่จากการดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMATA และจะนั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทฯ พร้อมเปิดกว้างให้บุคคลกรที่เป็นมืออาชีพเข้ามาร่วมในบริษัทด้วย
“ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นสู่ธุรกิจ ผมยึดมั่นในเป้าหมาย All Win และความมุ่งมั่นของการทำแต่สิ่งดีงามให้ไว้กับทุกคนมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อประสพความสำเร็จในธุรกิจการงานแล้วก็ควรแบ่งผลกำไรกลับคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีคุณภาพน่าอยู่เช่นประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งผมได้นำประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาเรียบเรียง มาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือพิมพ์เผยแพร่ไปแล้วกว่า 11.6 ล้านเล่ม
เพื่อให้สังคมสามารถเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ได้ในโอกาสต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นการทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินในครั้งนี้ นับเป็นความตั้งใจของผมหลังจากที่ได้เรียนรู้ ฝึกฝนชีวิตกับวิกฤติต่างๆ จนขับเคลื่อนให้ธุรกิจกลุ่มอมตะประสบความสำเร็จในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองนวัตกรรมเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ด้วยแนวคิดที่เห็นว่า เราเกิดมาจากศูนย์และจากไปเป็นศูนย์ ระหว่างศูนย์เราควรสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์และคุณค่าฝากไว้ให้กับสังคมในระยะยาวตลอดไป”
ในส่วนแผนธุรกิจ ตนจะถอยจากบทบาท CEO ในอมตะฯ เพื่อไปเป็นที่ปรึกษา ซึ่งจะทำหน้าที่คอยให้คำปรึกษา แนะนำ ดูนโยบายโดยไม่ลงมาเป็นระดับบริหาร ส่วนด้านงานบริหารทั้งหมดโครงสร้างองค์กรนับจากนี้ จะต้องมีตระกูลกรมดิษฐ์นั่งระดับบริหารไม่เกิน 3 คนเท่านั้น และควรผลักดันให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบอร์ด กำหนดเป้าหมาย ดูนโยบาย และจะเปิดทางให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็น CEO
“การไม่ยึดติดเรื่องของคนในครอบครัวมานั่งบริหารย่อมดีกว่า โดยสเปคที่ต้องการ คือ อายุระหว่าง 40-50 ปี คนเก่ง จบด้านวิศวะ สุขภาพดี และต้องมีหลักการในการบริหาร ซึ่งขณะนี้ได้แบ่งเค้กส่วนงานต่างๆ ออกเป็นก้อนและสรรหาบุคคลที่ต้องการเข้ามาบริหาร ตามสัดส่วนที่แบ่งไว้ ดังนั้นเมื่อ CEO เข้ามาจะมีหน้าที่บริหารงานได้เต็มที่ ซึ่งจะทำให้อมตะฯ เติบโตได้ดี
สำหรับความฝันของตนและต้องการทำให้สำเร็จ คือการสร้างเมือง เมือง Smart City โดยเราร่วมมือกับหลายพาทเนอร์ หลายประเทศ อย่างโยโกฮามาประเทศญี่ปุ่น เพราะอมตะฯ เราไม่มีอะไรเลยเราเก่งแค่เรื่องพัฒนาที่ดินและให้บริการสาธารณูปโภค เราจึงต้องดึงเอาพาทเนอร์มาร่วมทำ Smart City ของอมตะฯ จะต้องเป็นโมเดลต้นแบบเมืองตัวอย่างให้ได้”
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะไม่เข้าสู่เส้นทางการเมืองแน่นอน เพราะไม่ใช่ไลสไตล์และสิ่งที่ชอบ และบุคคลที่จะอยู่ในการเมือง ตนมองว่าจะต้องเป็นบุคคลที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามภูมิอากาศ ซึ่งไม่เหมาะกับตนแน่นอน