หนุ่มกลุ้มสุดอัดอั้น! โทรศัพท์ปรึกษา ดีเจเผือก ดีเจเติ้ล และดีเจต้นหอม ในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เผยเรื่องราวว่าตนเองเคยทำงานเป็น “Sex Creator” แต่โดนบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งบังคับให้เซ็นใบลาออก ชาวเน็ตเสียงแตกเป็นสองฝั่ง บริษัททำผิดหรือถูกต้องแล้ว ?
เรียกว่าช่วงนี้มีเรื่องราวมาให้ต้องขบคิด วิเคราะห์ แยกแยะ อยู่ไม่ขาดสายเลยจริง ๆ เพราะเมื่อคืนวันพุธที่ 14 มีนาคม 2566 ทางด้านเพจ “EFM station” ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของ หนุ่มพนักงานออฟฟิศรายหนึ่ง อายุ 27 ปี ที่ได้โทรศัพท์เข้ามาปรึกษาปัญหาหนักอกกับ ดีเจเผือก ดีเจเติ้ล และดีเจต้นหอม ในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” พร้อมเผยเรื่องราวชวนหนักใจ ว่าตนเองเป็นอดีต “Sex Creator” ซึ่งมีลักษณะการทำคอนเทนต์คล้ายกับ “OnlyFans”
ก่อนจะผันตัวมาเป็นพนักงานบริษัทตามปกติ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงเดือนที่ 2 ของการทำงาน ก็ถูกแผนกบุคคล รวมถึงผู้บริหารคนอื่น ๆ เรียกเข้าไปคุยแล้วก็ประเมินว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพื่อทำงานที่นี่ต่อ แล้วบังคับให้เซ็นใบลาออกกันเลยทีเดียว ทั้งนี้ เรื่องราวชวนหนักใจจะมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง เข้ามาอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่นี่ครับ
จุดเริ่มต้นอดีตหนุ่ม “Sex Creator” ถูกบังคับให้ลาออก
หลังจากที่ คุณคิว (นามสมมุติ) อดีตหนุ่ม Sex Creator ได้โทร.มาปรึกษา ดีเจเผือก ดีเจเติ้ล และดีเจต้นหอม ในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เผยปัญหากลุ้มใจ เหตุโดนบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ตนกำลังทำงานบังคับให้เซ็นเอกสารลาออก เพราะดันไปพบคลิปผลงานเนื้อหาคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ที่เจ้าตัวเคยทำว่อนอยู่บนโลกโซเชียล พร้อมกับให้เหตุผลว่า คุณสมบัติไม่เหมาะกับบริษัทนี้
จากนั้นหนุ่มเจ้าทุกข์ก็กล่าวตัดพ้อต่อทีมงานรายการ พุทธอล์ค พุธโทร โดยระบุว่า “มันผิดขนาดนั้นเลยหรอครับ? ก่อนหน้านี้เคยทำ Sex Creator ผมเปิด Onlyfans แต่ตอนนี้เลิกทำไปนานแล้ว พอไปสมัครงาน กลับโดนผู้บริหาร และแผนก HR เรียกพบ บังคับให้เซ็นลาออก เหตุผลเพราะเขาไปเห็นคลิปผมมา คุณสมบัติไม่เหมาะกับบริษัทนี้”
กระทั่งภายหลังที่เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยผ่านรายการ พุทธอล์ค พุธโทร ก็มีชาวเน็ตเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นออกไปหลายรูปแบบ อาทิ
“ผลกระทบ ของ การกระทำ มันมีความเป็นไปเสมอ คิดให้ดีก่อนว่ามันคุ้มมั้ย คิดให้ยาว ๆ , สิ่งที่ทำในอดีตมันเป็นผลไปที่อนาคตเสมอค่ะ เราต้องมองมุมองค์กรด้วยค่ะ เรื่องนี้เราว่ามันยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับได้ทั่วไปในสังคมบ้านเราค่ะ
“ภาพลักษณ์ขององค์กร ถ้าเป็นบริษัทก็มีผลต่อมูลค่าของบริษัท ถ้าเป็นองค์กร หน่วยงานก็มีผลต่อหน้าตา การทำงาน คอนเนคชั่น ภาพลักษณ์ เมื่อคุณลงมือทำแล้วคุณต้องยอมรับผลของมันที่จะส่งต่อไปในอนาคต”
“เอาไรมาวัดว่าเค้าไม่ดี ขนาดผู้บริหารเองยังอยู่ในกลุ่ม onlyfas เลย แสดงว่าคุณผู้บริหารก็ควรเซ็นใบลาออกเหมือนกัน, ภาพลักษณ์องค์กร เป็นสิ่งสำคัญ เหมือนกับชื่อเสียงของวงค์ตระกูล เป็นต้น”
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งสามารถมองได้ว่า ร่างกายของเราก็เป็นสิทธิของเรา ตราบใดที่เราไม่ได้ทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือแพ่ง และไม่ได้เป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ก็นับว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสม แต่หากลองพิจารณาในแง่ของความก้าวหน้าและภาพลักษณ์ขององค์กร ที่อาจส่งผลต่อภาพรวมหลาย ๆ อย่าง ก็สามารถเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาเอาคนออกของบริษัทนั้น ๆ ได้เหมือนกันครับ ขึ้นอยู่กับบริบทและวัฒนธรรมขององค์กรที่ทำงานด้วยเช่นกัน
ถูกกดดันให้เขียนใบลาออก ต้องทำอย่างไร?
ทั้งนี้ในทางกฎหมายแรงงานนั้น หากพนักโดนบังคับหรือถูกกดดันให้เขียนใบลาออก อ้างอิงตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562
“การถูกบีบบังคับให้ลาออกและให้เขียนใบลาออกโดยลูกจ้างไม่ได้ยินยอมและเป็นการลาออกโดยไม่เป็นธรรม ตามกฎหมายจะถือว่าการลาออกนั้นเป็นโมฆียะ และเป็นการออกจากงานโดยการเลิกจ้าง ซึ่งนายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562”
สรุปว่าหากลูกจ้างไม่ได้รับเงินชดเชยการถูกเลิกจ้าง หรือถูกกดดันให้เขียนใบลาออกโดยไม่สมัครใจ ตามระยะเวลาที่กำหนด ก็ถือว่าเข้าข่ายการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนกับพนักงานตรวจแรงงาน ได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่หรือจังหวัด
