ทนายตั้ม ฟาดแรง คดีน้องต่อ อย่าให้คำว่า ‘เยาวชน’ เป็นเกราะให้คนทำผิดร้ายแรง
ทนายตั้ม เคลื่นไหวคดีน้องต่อ ดึงสติสังคม อย่าให้คำว่าเยาวชนเป็นเกราะให้คนทำผิดร้ายแรง กางข้อมูลหลายประเทศที่เจริญแล้ว เด็กอายุ 17 ก่อคดีอาชญากรรมรับโทษเท่าผู้ใหญ่
วันที่ 1 มีนาคม 2566 “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก โโยเป็นการให้วามเห็นเกี่ยวกับคดีของน้องต่อ ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง หนูน้อยวัย 8 เดือนที่ถูกคนเป็นแม่นำไปทิ้งบริเวณริมคลองหลังบ้าน อ.บางเลน จ.นครปฐม
เนื้อหาจากโพสต์เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุ “ไม่มีเหตุผลดีๆ ข้อใดในการก่อเหตุอาชญากรรมทั้งนั้นแหละครับ จึงไม่เห็นความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงในการสร้างความน่าสงสารให้กับผู้ที่สารภาพว่าตัวเองมีส่วนในการเสียชีวิตของลูกตนเอง ไม่ใช่ว่ามีชีวิตที่น่าสงสาร แล้วต้องทำเรื่องอะไรเลวร้ายขนาดนี้ ถ้าทำจริงก็คือจิตใจโหดเหี้ยม ลูกตัวเองป่วยหนัก ทำลูกหล่นด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์ก็ต้องพาไปหาหมอ”
“แต่ถ้าทั้งหมดคือเรื่่องลวงโลก ทำตำรวจ ทำกู้ภัย ทำประชาชนเสียเวลาเพราะความเป็นห่วงเด็ก คนเป็นแม่กลับไม่ทำอะไรที่ควรทำตั้งแต่วันแรกก็คือ พูดความจริง คนแบบนี้ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ใช้ไม่ได้ อย่าให้คำว่าเยาวชนเป็นเกราะให้คนทำผิดร้ายแรงเลยครับ”
หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไป ผู้คนก็เข้ามาให้ความสนใจพร้อมกับใส่ความเห็นตัวเองกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่นักฏหมายหนุ่มก็เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแง่กฏฆมายการเอาผิดกับผู้ต้องหาที่ยังเป็นเยาวชนว่า “ในหลายประเทศที่เจริญแล้ว เด็กอายุ 17 ก่อคดีอาชญากรรมรับโทษเท่าผู้ใหญ่แล้วนะครับ”
- น.ส.นิ่ม นำอาหารขนม ทำบุญให้น้องต่อ
- พ่อ-พี่สาวพุด ไม่เชื่อ นิ่มโยนน้องต่อลงน้ำ เชื่อถ้าทิ้งจริง เจอนานแล้ว
- ทนายเดชา หวั่นคดีน้องต่อ ปชช. เริ่มสงสาร หวั่นคล้าย ลุงพล