ข่าวข่าวต่างประเทศ

นักวิจัยเผย ผลสแกนมัมมี่ ‘เด็กหนุ่มทองคำ’ มัมมี่อายุ 2,300 ปี

นักวิจัยเผย ผลสแกนมัมมี่ ซึ่งเป็นมัมมี่อายุ 2,300 ปี โดยพบเรื่องเหลือเชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องราง 49 ชิ้น ฟัน ลิ้น และ หัวใจทองคำ

เมื่อวันที่ 24 สำนักข่าว CNN รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไคโร ประเทศอียิปต์ค้นพบผลการศึกษามัมมี่เด็กทองคำ มัมมี่ของวัยรุ่นที่เสียชีวิตเมื่อ 2,300 ปีที่แล้ว โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีเครื่องราวซุกซ่อนในร่าง 49 ชิ้น ซึ่งใช้ในการปกป้องวิญญาณ และมีหน้ากากทองคำที่ใช้เป็นเครื่องนำทางในชีวิตหลังความตาย

การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นักวิจัยได้ใช้คอมพิวเตอร์สแกนมัมมี่ เพื่อที่จะสามารถศึกษาร่างกายของมัมมี่ โดยไม่จำเป็นต้องแกะผ้าห่อศพออกมาจริงๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การสร้างความเสียหายให้กับร่างผู้เสียชีวิตได้

มัมมี่เด็กทองคำนั้น ถูกบรรจุอยู่ในโลงศพ 2 ชั้น เป็นโลงศพที่ทำจากไม้ จากการทำซีทีสแกนพบว่าเด็กหนุ่มสูง 128 เซนติเมตร อายุน่าจะราวๆ 14-15 ปี โดยสภาพฟันแข็งแรง มีฟันทองคำ ลิ้นทองคำ หัวใจทองคำ นอกจากนี้เครื่องราว 49 ชนิดนั้น มีรูปแบบที่ต่างออกไปรวมถึง 21 แบบ แม้ว่าจะไม่ทราบถึงตัวตนของเด็กชายคนนี้ แต่จากสภาพศพน่าจะบอกได้ว่าผู้ตายมีสถานะทางสังคมที่สูง

นอกจากหัวใจที่ถูกนำออกไปแล้ว อวัยวะภายในอื่น ๆ ของมัมมี่ก็ถูกผ่าออกไปเช่นกัน ซึ่งสาเหตุที่เด็กชายคนนี้มีลิ้นทองและหัวใจทอง เป็นเพราะคนอียิปต์ในยุคโบราณเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือในการเดินทางสู่โลกหลังความได้

ปัจจุบันมัมมี่เด็กทองคำถูกย้ายไปยังหอจัดแสดงหลักของพิพัธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ พร้อมด้วยผลซีทีสแกน รวมถึงแบบจำลองสามมิติของหัวใจทองคำ โดยนักวิจัยระบุว่าการศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายให้มนุษย์สมัยเข้าใจชีวิตของคนอียิปต์ในสมัยก่อน

มัมมี่เด็กทองคำถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2549 ภายในสุสานนัค เอล-ฮัสเซย์ ทางตอนใต้ของอียิปต์ คาดว่าสุสานดังกล่าวถูกใช้ในช่วง 332 ถึง 30 ก่อนคริสตกาล เจ้าหน้าที่ได้เครื่องย้ายมัมมี่จากสุสานดังกล่าวไปยังพิพิธภัณฑ์อียิปต์ในกรุงไคโร โดยส่วนมากมัมมี่ยังคงอยู่ในโลงศพเช่นเดิม

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button