จากกรณีข่าวของกองประกวด ‘Miss Grand Thailand (มิสแกรนด์ ไทยแลนด์)‘ ร่อนหนังสือปฏิเสธการรับสมัครนางงามจากเวทีอื่น แม้ไม่ได้ตำแหน่งก็ตาม ล่าสุด (24 ม.ค. 66) ทาง ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล‘ ก็ได้มีการออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘คนดังนั่งเคลียร์‘ ทาง ‘ช่อง 8‘ ย้ำชัด ไม่เอานางงามจาก ‘Miss Universe Thailand‘ และ ‘นางสาวไทย‘ โอดเบื่อโดนด่า-แย่งผลงาน โดยระบุว่า
“ก็ชัดเจนนะครับ เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่อยากมีปัญหากระทบกระแทกจุกจิก เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาเราก็รู้สึกว่ามันมีอะไรที่สัมพันธ์กันโดยที่มีการขัดแย้งตลอด มันก็มาต่อเนื่องนะครับ อย่างเช่นคณะกรรมการพิเศษที่ไปเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เวลาไปสัมภาษณ์ก็ควรจะสัมภาษณ์ผู้เข้าประกวด แต่สัมภาษณ์ไปได้พักนึงก็มากระทบกระแทกด่าทอเวทีเรา ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อเวที แต่ใครก็รู้ว่ากำลังว่าใครอยู่ เราก็รู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้นะครับ ด้วยปกติคนเราก็ต้องมีมารยาทด้วยกัน
จากนั้นเน็ตไอดอลคนนี้ก็ด่ามาเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกรำคาญ อย่างหงษ์ทองก็ไปถ่ายรูปกับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะมีโปรเจกต์ใหม่ด้วยกัน เรามีความรู้สึกว่าเราจากกันไม่ได้เลยเหรอ มันก็เริ่มหงุดหงิด รำคาญ หลัง ๆ ก็จะมีระบบ 77 จังหวัดอีกในอีกหนึ่งเวที ก็ได้ไม่เป็นไร ทุกคนก็ทำได้ แต่บังเอิญว่ามีการไปติดต่อ PD เราตลอดเวลา
คือเราอยากอยู่ของเรา เราสร้างมาด้วยความยากลำบาก เราก็ไม่อยากกระทบกระเทือนกัน เราเลยตัดสินใจว่านางงามที่จะประกวดเวทีมิสแกรนด์ เราก็ระบุว่าถ้าไป 2 เวทีนี้เราจะไม่รับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดนะครับ มันยังมีเวทีอีกเยอะแยะมากมายในประเทศไทย เพียงแต่เราเหนื่อยแล้วที่จะถูกการกระทบกระแทก และถูกการใช้งานในวัตถุดิบที่มันใกล้เคียงกันเกินไป”
“ไม่เลือกเราก็ไม่ใช่เรื่องผิด เราไม่ได้สั่งห้ามเลือก เราก็มีสิทธิที่จะเลือกคุณสมบัติในสิ่งที่เราต้องการได้ คุณเองมีโอกาสที่จะเลือก คุณก็เลือกเวทีที่คุณต้องการได้ ผมว่ามันก็แฟร์พอสมควร แต่ถ้าจะให้เรายอมรับทุกอย่าง ต้องยอมอดทนทุกอย่าง ต้องถูกกระทบกระแทก ไม่ว่าจะเป็นสปอนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการที่เชิญใครมานั่งด่าเรา แล้ว 77 จังหวัดจะต้องมาตอด PD เราแล้วนางงามมันก็วนอยู่แบบนี้ เราก็เบื่อ เพราะว่าเวทีเรากว่าจะเทรนด์นางงามมาได้ ต่อให้เขาตกรอบ แต่เราก็ต้องใช้เวลาในการเทรนด์มีต้นทุนอยู่ด้วยกันเกือบเดือน พูดง่าย ๆ ว่าเบื่อครับ
ถามว่าทำไมถึงต้องเป็น 2 เวทีนี้ ก็เวทีอื่นเขาไม่ได้มีอะไร คือการเชิญเน็ตไอดอลคนนึงมาเป็นกรรมการ ควรจะพูดถึงการสัมภาษณ์นางงามที่จะให้ผ่านเข้ารอบ แต่กลับลุกขึ้นมาด่าเวทีผม ต่อให้ไม่พูดชื่อเวที 100 คน ล้านคนที่ฟังอยู่ก็รู้ว่าด่าใคร อันนี้ผมว่ามันไม่แฟร์ ควรที่จะมีการห้ามปราม ห้ามทำหรือสั่งอะไรใด ๆ กลับเป็นที่สนุกสนานร่าเริงของคณะกรรมการและเจ้าของเวที เป็นอะไรเหรอ เห็นเราเป็นมิสแกรนด์บันเทิงศิลป์หรือยังไง บอกตรง ๆ ว่าเราเบื่อ เราไม่อยากเกี่ยวข้อง ที่ออกมานี่บอกตรง ๆ ว่าเบื่อ ไม่อยากยุ่ง ก็เท่านั้นเองครับ”
“ตัดสินใจไม่นาน รำคาญสักพักก็ตัดสินใจได้เลยครับ ต่อไปนี้เราจะไม่ยอมทนใด ๆ อีกแล้ว เพราะเราทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาของเรานะ เราอยู่ในกรอบของเราตั้งแต่หลังจากมิสยูนิเวิร์สเปลี่ยนเจ้าของ เราไม่ได้โฟกัสในการแข่งขันกับเวทีอื่นแล้ว เราจะปกป้องทรัพย์สมบัติของเราที่เป็นแกรนด์ทุกอย่าง ไม่ให้ใครมารบกวนเรามาก แต่ถ้าใครจะเข้ามาเราก็จะบอกว่าให้ทุกคนหยุดอยู่แค่นั้น เราจะไม่ให้ใครเอาวัฒนธรรมอะไรเข้ามาในแกรนด์ เพราะว่าแกรนด์เราต้องการเป็นแกรนด์จริง ๆ จากนี้เป็นต้นไปเราจะดูแลตัวเองหนักขึ้นครับ
ความหนักใจไม่ตกอยู่ที่ผู้ประกวดหรอกครับ ยุคนี้เขาต้องเลือก เขาอยากเป็นใคร เขาอยากอยู่กับใคร เขามีสิทธิในการเลือก เพราะฉะนั้นตอนนี้นางงามไม่ใช่แค่ว่าไปเดินเพื่อประกวด มันต้องใช้สมองในการคำนวณว่าอนาคตคืออะไรครับ เอาจริง ๆ มันเป็นการให้เขาเลือกนะครับ ถ้าคิดว่าเป็นการจำกัดสิทธิ เราเป็นบริษัทเอกชน เราก็มีสิทธิที่จะเลือกว่าจะเอาหรือไม่เอาอะไรก็ได้ นี่เป็นสิทธิโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าเราเป็นองค์กรของรัฐบาลมันก็อาจจะเป็นไปได้ครับ แต่นี่ด้วยหลักการของการทำงานเอกชน เราสามารถบอกคุณสมบัติได้ว่าเราจะไม่เอาอะไร เราจะเอาอะไร ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ
ถามว่าแฟนนางงามบางส่วนมีความเห็นว่าข้อกำหนด 2 ข้อขัดแย้งกับสิทธิเสรีภาพในการสมัครเหรอ เข้าใจผิดแล้ว คำว่าสิทธิเสรีภาพคือสิทธิเสมอภาคในการที่คุณจะเลือก คุณจะเลือกเขาหรือเลือกเราก็ได้ อันนี้คือสิทธิเสรีภาพ เพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะเลือกอะไรก็ได้ไปหมด มันไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ เพราะว่าสิทธิมันก็ต้องเคารพในกฎกติกาของคนอื่นด้วย ถ้าคุณอยากมาทางเราก็มาเลย แต่ถ้าคุณอยากไปทางเขาก็ไปเลย หรือคุณอยากจะไปที่อื่นอีกตั้งเยอะตั้งแยะคุณก็ไปได้”