ข่าวข่าวภูมิภาค

สุวรรณภูมิ ระงับบัตร 3 ตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ปรับมาตรการหวั่นซ้ำรอย

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผยทางสนามบินสั่ง ระงับบัตร 3 ตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ห้ามเข้าพื้นที่แล้ว พร้อมบังคับให้ตำรวจต้องใส่เครื่องแบบของหน่วยงานที่สังกัด

จากกรณีที่รถตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน หลังจากที่นักท่องเที่ยวสาวชาวจีนที่เดินทางมาไทยกับแม่อัดคลิปเล่าความประทับใจบริการดังกล่าว โดยระบุว่ามีการ อำนวยความสะดวกหลายอย่าง ตั้งแต่ ลัดคิวตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลาเพียง 5 นาที ช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้ และขับรถตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนและใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปยังพัทยาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง โดยแลกกับค่าใช้จ่าย 7 พันบาท ดังที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุดนาย กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. ได้ออกมาตรการให้ข้าราชการทุกคน และทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงานภายในพื้นที่ ทสภ. ต้องใส่เครื่องแบบของหน่วยงานที่ตนเองสังกัด เพื่อระบุสังกัด และหน่วยงานที่ชัดเจน พร้อมกับติดบัตรที่ทาง ทสภ. ออกให้ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ ห้ามใส่เสื้อแจ๊กเก็ต และไปถือป้ายรับผู้โดยสารภายในพื้นที่ด้านใน ทสภ. โดยเด็ดขาด

พร้อมระบุว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปรากฎในคลิปนั้น ทสภ. ได้ดำเนินการล็อกบัตรที่ทาง ทสภ. ออกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 รายแล้ว ซึ่งแม้บัตรจะยังอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 ราย แต่หากนำบัตรมาใช้อีกก็จะไม่สามารถแตะบัตรเพื่อเข้ามายังพื้นที่ภายใน ทสภ. ได้ เพราะบัตรดังกล่าวเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดย ทสภ. ได้ล็อกไว้เรียบร้อยแล้ว

“บัตรที่ทาง ทสภ. ออกให้เพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่ภายใน ทสภ. นั้น จะออกให้กับทุกคนที่ได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้มาปฏิบัติงานที่ ทสภ. อย่างไรก็ตามรู้สึกดีใจที่เหตุการณ์ครั้งนี้เผยแพร่สู่สาธารณะ และทางหน่วยงานต้นสังกัดจะเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้จริงจัง มั่นใจว่าหลังจากนี้ธุรกิจดังกล่าวจะหายไปจาก ทสภ.ได้” นาย กิตติพิงศ์ กล่าว

 

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button