แฟนเก่า ‘แซม แบงค์แมน-ฟรายด์’ FTX อาจติดคุก 110 ปี เพราะร่วมฉ้อโกง
‘แคโรไลน์ เอลลิสัน’ อดีตแฟนสาว ‘แซม แบงค์แมน-ฟรายด์’ เจ้าของกระดานเทรด FTX อาจติดคุกนาน 110 ปี จาก 7 ข้อกล่าวหา หลังสารภาพว่าร่วมกันฉ้อโกงนักลงทุนจริง
สื่อต่างประเทศรายงาน ความคืบหน้าล่าสุดการสอบสวนเหตุการณ์ล่มสลายของ FTX กระดานซื้อขายเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก พบว่าซีอีโอของ Alameda Research อย่าง ‘แคโรไลน์ เอลลิสัน’ (Caroline Ellison) ซึ่งเคยเป็นอดีตคนรัก ‘แซม แบงค์แมน-ฟรายด์’ (Sam Bankman-Fried) สารภาพผิดและมีโอกาสต้องโทษจำคุกนานกว่าร้อยปี
แคโรไลน์ สารภาพต่อศาลว่า ได้มีการฉ้อโกงทางโทรศัพท์กับลูกค้า FTX, การสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงทางโทรศัพท์กับผู้ให้กู้ของ Alameda Research, การสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์, การฉ้อโกงลูกค้า FTX, การสมรู้ร่วมคิดในการซื้อขายหลักทรัพย์, การฉ้อโกง และการสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงินตามเอกสารของศาล รวมทั้งสิ้น 7 กระทง และมีโทษสูงสุด 110 ปี
ส่วนอีกหนึ่งผู้สมรู้ร่วมคิดอย่าง ‘แกรี่ หวัง’ (Gary Wang) ซึ่งเป็นอดีตหนึ่งในผู้บริหารของ FTX ได้ให้การสารภาพ 4 กระทง ได้แก่ สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงทางโทรศัพท์กับลูกค้าของ FTX, การฉ้อโกงทางโทรศัพท์กับลูกค้าของ FTX, การสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ และการสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีโทษสูงสุดที่ 50 ปี
นอกจากนี้ทางทนายความของ แกรี่ หวัง ยังได้บอกกับสื่อเพิ่มเติมว่า “แกรี่ยอมรับความรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา และจะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของเขาอย่างจริงจังในฐานะพยานที่ให้ความร่วมมือ”
ส่วนทางประธานก.ล.ต. Gary Gensler ได้แถลงการณ์ตำหนิพฤติกรรมของผู้บริหาร FTX ว่า “เมื่อเหรียญ FTT และทรัพย์สินอื่น ๆ ล่มสลายลง พวกเขาทั้ง 3 คน กลับปล่อยให้นักลงทุนถือมันต่อไป”
นอกจากนี้แล้วยังมีการรายงานเพิ่มเติมว่า ‘แซม แบงค์แมน-ฟรายด์’ เจ้าของกระดานเทรด FTX ได้ถูกย้ายจากบาฮามาส ไปยังนิวยอร์กแล้ว ซึ่งนับเป็นระยะเวลาเกิน 7 วันแล้วที่เขาได้ถูกจับกุม และการยอมรับผิดของอดีตเพื่อนร่วมกระบวนการอย่าง แคโรไลน์และแกรี่ ยิ่งมีโอกาสเพิ่มโทษที่มากขึ้นให้กับ ‘แซม แบงค์แมน-ฟรายด์’ ในการพิจารณาคดีครั้งต่อไป
ทั้งนี้มีการคาดเดาว่าแซมอาจต้องโทษมากถึง 8 กระทง ซึ่งชี้ว่านี่อาจเป็นการฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยได้มีการทบทวนว่า FTX ที่เปิดตัวเมื่อปี 2019 ได้ทำการดูดเงินนักลงทุนที่เป็นเงินฝากของลูกค้า ไปใช้เป็นการส่วนตัวจำนวนมหาศาล ทั้งเพื่อแลกเป็นเงินจริงแทนเงินดิจิทัล ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ กระจายการลงทุน และสนับสนุนพรรคการเมือง
ทางด้าน John J. Ray III ซึ่งเข้ามาบริหาร FTX ในปัจจุบันได้ระบุว่า “ไม่เคยเห็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารองค์กรแบบนี้มาก่อน” พร้อมให้การต่อหน้าศาลครั้งล่าสุดว่า “นี่เป็นการควบคุมแบบโดยคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่มีประสบการณ์และขาดความซับซ้อนในการบริหารงาน”