ข่าว

รู้ตัวแล้ว คนขับรถหรู จอดที่คนพิการจนสนามบินสุวรรณภูมิล็อคล้อ

รถหรู จอดรถสุวรรณภูมิ โดน ล็อคล้อ ย่องจอดที่คนพิการ คนสูงอายุ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ปล่อยไว้ ลงโทษพร้อมแจงเหตุผลจากกล้องวงจรปิดแปะชัด หราหน้ารถ รู้ตัวเจ้าของรถแล้วเป็นคู่หนุ่มสาว

วันที่ 5 ตุลาคม 2565 หลังจากผู้ใช้บัญชีโซเชียลได้มีการเผยแพร่ภาพ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการล็อคล้อรถยนต์สปอร์ตหรูคันหนึ่ง เหตุจอดในช่องจอดรถสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ พร้อมติดป้ายแขวนหน้ากระจกรถคันดังกล่าว

ระบุข้อความ “ที่จอดรถเฉพาะผู้พิการและผู้สูงอายุ จากการตรวจสอบจากกล้อง CCTV คุณไม่ใช่ผู้พิการและผู้สูงอายุ” โดยโพสต์ดังกล่าวนอกจากข้อความชี้แจงเหตุผลที่ต้องทำการล้อคล้อแล้ว ทางเจ้าหน้าที่สนามบินฯ ยังได้ให้เบอร์ติดต่อเนื่องจากมีมาตรการล็อกล้อรถคันดังกล่าว ต้องชี้แจงเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หลังเป็นกระแสถูกนำเสอนเกือบทุกช่องทางบนโลกโซเชียล ล่าสุด นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) ก็ออกมากล่าวถึงความคืบหน้า ไวรัลล็อกล้อรถหรูที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้ว่า

เนื่องจากปัจจุบันมีรถฝ่าฝืนกฎ เข้าไปจอดที่คนพิการอยู่ตลอดเวลา เฉลี่ยวันละ 2-3 คัน ซึ่งเดิมท่าอากาศยานจะใช้มาตรการล็อกล้อ และให้ไปจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ แต่พบว่า ค่าปรับ 1,000 บาท ไม่กระทบกระเทือนกับผู้ที่ละเมิดเท่าใดนัก และยังคงนำรถมาจอดอยู่เสมอ ทำให้มีการเพิ่มมาตรการทางสังคม ด้วยการนำป้ายมาติดบริเวณหน้ารถ

เพื่อให้รับทราบว่า การกระทำดังกล่าวละเมิดสิทธิผู้พิการและไม่ถูกต้อง ไม่ควรมีใครถูกละเมิดสิทธิ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเพิ่งเริ่มใช้ในสัปดาห์นี้

สำหรับรถคันดังกล่าวที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้พบว่า เป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ได้นำรถมาจอดที่จอดรถคนพิการ ก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่ได้เป็นคนพิการ และไม่ใช่คนสูงอายุ ตามที่กำหนดไว้ ว่า มีสิทธิจะจอดรถในช่องดังกล่าวได้

สนามบินสุวรรณภูมิล็อคล้อรถหรู
ภาพ Facebook Chatree Sintateeyakorn
ล็อคล้อรถหรู
ภาพ Facebook Chatree Sintateeyakorn

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button