พระอยากกินน้ำโค้ก สึกแล้ว หลังถูกแฉว่าแซวสาว จนต่อยกับญาติโยม
พระอยากกินโค้ก ถูกสึกแล้ว หลังถูกแฉว่าแซวสาวกลางร้านชำต่อหน้าแฟน ต่อยกับแฟน จนแฟนฟันโยก ปากแตก อ้างอยากกินน้ำโค้กจริงๆไม่ได้แซวสาว
จากกรณีที่เพจดังออกมาแฉว่า มีพระรูปนึงแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วยการแซวแม่ค้าต่อหน้าแฟนหนุ่มว่า อยากกินโค้กจัง จนทำให้เกิดเหตุชกต่อย และทำให้แฟนแม่ค้าปากแตกและฟันโยก จนนำไปสู่การร้องเรียนดังที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้
ซึ่งจากภาพกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นฝั่งพระสงฆ์และชายอีกคนชกต่อยกันจนจีวรหลุด ขณะที่คนในร้านก็พยายามแยกทั้งสองออก นอกจากนี้จากคลิปจะเห็นได้ว่าก่อนเหตุนั้น พระโยนตังค์ให้กับผู้ชายที่นั่งอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับหญิงผู้โพสต์ โดยเธอระบุว่า พระรูปนี้กิริยาไม่เหมาะสมหลายครั้ง เช่น บางครั้งมาซื้อของก็พูดจาคล้ายกับมาจีบ เวลาจ่ายเงินก็แทบจะใส่มือ ไม่ยอมเอาเงินวางไว้ที่โต๊ะ หรือบางครั้งก็พยายามมาเดินเบียด ซึ่งเธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด และอยากจะบอกให้พระสำรวมกว่านี้
ในวันเกิดเหตุ โยนตังให้แฟน แฟนเลยบอกว่า หลวงพี่วางตังค์ก็ได้ ไม่ต้องโยน ซึ่งระหว่างนั้นเธอเดินออกมา หลวงพี่บอก”อยากกินโค้กฟรีจัง” โดยเธอใส่ผ้ากันเปื้อน เขียนว่า “โค้ก” เมื่อแฟนได้ยินก็เลยโมโห บอกว่า มาแซวผู้หญิงในร้านแบบนี้ได้อย่างไร จนเกิดโต้เถียงกันไปมา และนำไปสู่การชกต่อยกันขึ้น
หญิงคนดังกล่าวเล่าว่าเธอได้ห้ามแฟนให้ออกห่างจาก พระอยากกินโค้ก แต่ผลปรากฎว่า พระไม่หยุดและต่อยแฟนเข้าไปสองหมัด ทำให้ปากแตก ฟันโยก และเลือดกำเดาไหล เธอได้แจ้งให้เจ้าอาวาสทราบ แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ซ้ำ พระยังมายิ้มเยาะใส่ เหมือนไม่รู้สึกผิด วันนี้เธอจึงนัดเพื่อนบ้าน และคนที่เกี่ยวข้องไปที่วัดตอน 9 โมงเช้า ซึ่งเธอจะเอาเรื่องพระรูปนี้ให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง วัดท่าชัย ต.หินตั้ง อ.เมืองนครนายก และพบกับ เจ้าคณะตำบล ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง มารอพบกับพระอยากกินน้ำโค้ก ทราบชื่อว่า พระสูตร อายุ 49 ปี โดยพระสูตรอ้างว่า
ก่อนเกิดเหตุตนได้ไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลัง แต่เห็นน้ำโค้กพอดี ก็เลยอยากเปลี่ยนมากินน้ำโค้ก ยืนยันไม่ได้พูดแซวหญิงสาวในร้าน ตนยอมรับว่า โยนเงินให้ชายในคลิปจริง ส่วนสาเหตุที่ชกต่อยเพราะเป็นการป้องกันตัวเอง
หลังฟังคำชี้แจงจากพระสูตรแล้ว ทางพระครูศีลนันทโสภณ เจ้าคณะตำบลหินตั้ง ได้วิเคราะห์ตามข้อมูล และหลักฐานจากภาพวงจรปิด เห็นว่า พระสูตรประพฤติตนไม่เหมาะสม ถือว่ามีความผิดตามวินัยสงฆ์จริง จึงให้สึกจากการเป็นพระสงฆ์ทันที ก่อนจะส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งความเอาไว้ที่