จากรณีข่าวสั่นสะเทือนวงการศาสนาพุทธ ทิดกาโตะ หรือ อดีต หลวงพี่กาโตะ ที่โดนสาวชื่อตอง แฉ ว่าได้มีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่อยู่ในผ้าเหลือง นำไปสู่การสึกของหลวงพี่กาโตะ ซึ่งต่อมาเจ้าตัวก็ออกมายอมรับในรายการโหนกระแสเองว่า ได้มีเพศสัมพันธ์จริง จากกรณีไปดูเขื่อนตอน 4 ทุ่ม
ปกติแล้ว หลังพระสึกใหม่ คนจะเรียกนำหน้าว่าทิด แต่ในกรณีของหลวงพี่กาโตะ หลายคนถกกันว่า ควรเรียกว่าทิดหรือไม่ บางคนเสนอใช้คำว่า “สมี” อันเป็นคำได้ยินไม่บ่อยนัก วันนี้ Thaiger จะพาไปหาคำตอบว่า ทิด กับ สมี สองคำนี้ ต่างกันอย่างไร มีความหมายว่าอะไร
ทิด กับ สมี ต่างกันอย่างไร
คำว่า ทิด หมายความว่า ผู้มีความรู้ ผู้ผ่านการอบรมสั่งสอนมาแล้ว เพี้ยนมาจากคำว่า บัณฑิต เป็นคำใช้เรียกผู้ที่สึกจากการเป็นพระ ที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะในสมัยก่อน การบวชพระจะเรียกว่าการบวชเรียน ผู้ที่บวชจะได้ศึกษาวิชาความรู้ ทั้งทางโลกและทางธรรมจากที่วัดนั่นเอง
ส่วนคำว่า สมี (สะ-หฺมี) เป็นคำที่ใช้เรียกพระภิกษุเช่นกัน แต่เป็นพระที่ทำผิดโทษสถานหนักคือ อาบัติปาราชิก บุคคลที่เป็นสมีจะไม่สามารถบวชได้อีกตลอดชีวิต
โดยพระภิกษุที่อาบัติปาราชิกจะถูกให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที ไม่ว่าจะยินยอมสึกหรือไม่ก็ตาม เหตุที่เป็นโทษสถานหนักถึงขั้นอาบัติปาราชิกมีด้วยกัน 4 ประการ ดังนี้
1. พระภิกษุจะกลายเป็นสมีทันที เมื่อร่วมประเวณี เสพสังวาส หรือมีเพศสัมพันธ์กับสตรี สีกา จะถือว่าขาดจากความเป็นพระในขณะที่สำเร็จกิจ
2. พระภิกษุจะกลายเป็นสมีทันที เมื่อลักขโมยข้าวของที่เจ้าของไม่อนุญาต
3. พระภิกษุจะกลายเป็นสมีทันที เมื่อฆ่าผู้อื่น หรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า รวมถึงมีเจตนาจะฆ่าโดยวางแผน ไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าจนเสียชีวิต
4. พระภิกษุจะกลายเป็นสมีทันที เมื่อพูดโอ้อวด หรือกล่าวอ้างคุณวิเศษด้านภูมิธรรม เช่น ยังไม่บรรลุโสดาบัน แต่แอบอ้างว่าตนบรรลุแล้ว