ข่าว

เปิดไทม์ไลน์น้อง 2 ขวบ เสียชีวิตจากลองโควิด เตือนพ่อ-แม่เฝ้าระวัง

ไทม์ไลน์ หนูน้อย 2 ขวบ เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด รักษาหาย 2-6 สัปดาห์ แต่กลับมาอาการทรุดหนัก ฝากถึงพ่อแม่เฝ้าระวัง ถ้าลูกมีไข้ ไอ หรือเป็นหวัด แนะนำให้รีบพาไปหาหมอทันที

ลองโควิด (Long COVID) หรือ Post Covid-19 Syndrome คือ ภาวะของคนที่หายจากโควิด-19 แล้ว แต่ยังต้องเผชิญกับอาการที่หลงเหลืออยู่ เชื้อโควิดหายจากร่างกายไปแล้ว แต่บางอาการกลับไม่หายไปด้วย

โดยเคสล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 ได้เปิดเผยเรื่องราวไว้เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังครอบครัวหนึ่งต้องสูญเสีย “น้องฌอนห์” ลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง จากภาวะลองโควิด (Long COVID) แม้ว่าน้องจะหายจากโรคโควิด-19 แล้ว แต่ร่างกายกลับทรุดลง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยแพทย์สรุปสาเหตุที่ลูกเสียชีวิตเพราะเป็นภาวะลองโควิด

ก่อนหน้านี้ น้องฌอนห์ ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ทุกอย่างจะปกติ จนรักษาหาย 2-6 สัปดาห์ น้องกลับทรุดลง เพราะภายในล้มเหลวหมดแล้ว โดยก่อนที่น้องจะเสียชีวิตนั้น อาการปกติดีทุกอย่าง ร่าเริง ขี้เล่น ไม่มีอาการซึมเศร้า หรืออ่อนแรงแต่อย่างใด

ไทม์ไลน์ น้องฌอนห์ ก่อนเสียชีวิต หลังอาการทรุด 4 วัน

คืนวันที่ 16 ก.พ. – น้องมีอาการไข้ขึ้นและตัวร้อน ตนก็คิดว่าคงเป็นไข้ปกติ จึงให้น้องกินยาแก้ไข้ และเช็ดตัว

17 ก.พ. – ตอนเย็น กลับไข้ขึ้นสูง เมื่อพาน้องไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มีสิทธิ์รักษาอยู่ที่นั้น กลับถูกบอกว่าน้องถูกย้ายสิทธิ์ไปอีกโรงพยาบาลแล้ว พอถามพยาบาลว่าย้ายไปทำไมไม่บอก พยาบาลบอกว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้ง จึงต้องนั่งแท็กซี่พาลูกไปโรงพยาบาลใหม่ โดยที่ระหว่างทาง น้องมีอาการ เหมือนจะอ้วก และก็ถ่ายอุจจาระออกมา พอมาถึงโรงพยาบาลหมอก็ทำการช่วยชีวิต

18 ก.พ. – หมอโทรมาแจ้งว่า น้องเป็นลองโควิด ต้องรีบส่งตัวไปให้อาจารย์หมอที่โรงพยาบาลศิริราชรักษาต่อ

19 ก.พ. – ทางโรงพยาบาลศิริราช แจ้งว่าให้ครอบครัวทำใจ เพราะหัวใจน้องพร้อมจะหยุดเต้นนาทีต่อนาที แต่จะลองให้ยาที่แรงดู ถ้ารับไหวก็รอด ถ้ารับไม่ไหวก็ไม่รอด และสุดท้ายน้องก็รับไม่ไหว แม้คุณหมอจะพยายามปั๊มหัวใจช่วยหลายรอบ น้องก็ไม่กลับมา และน้องก็จากพวกเราไปในวันดังกล่าว แบบที่ทุกคนในครอบครัวไม่ทันได้ตั้งตัว

คุณแม่น้องฌอนห์ ยังฝากทิ้งทายถึงคนที่มีลูกว่า อยากให้แม่ๆ ทุกคนเฝ้าระวัง ถ้าลูกมีไข้ ไอ หรือเป็นหวัด การซื้อยามากินเอง มันจะยิ่งทำให้ไข้กดทับอาการไว้ ทางที่ดีแนะนำให้ไปหาหมอทันทีที่ลูกมีอาการผิดปกติ

นอกจากนี้ครอบครัวยังตั้งคำถามถึงเรื่องที่คาใจจากเหตุการณ์นี้ว่า ทำไมโรงพยาบาลที่พาลูกไปที่แรก ไม่รักษาให้ในขั้นต้นก่อน และย้ายสิทธิ์ไปโรงพยาบาลใหม่ก็ไม่แจ้งอะไรเลย แถมยังปล่อยให้ตนต้องนั่งแท็กซี่พาลูกย้ายโรงพยาบาลเองกัน 2 คนแบบนี้

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button