ข่าวข่าวการเมือง

‘ประยุทธ์’ ยกตัวเองเป็น ‘พระราม’ เตือนจุดจบทศกัณฑ์

ประยุทธ์ ยกตัวเองเป็น ในระหว่างถูกซักฟอก ม.152 เตือนจุดจบทศกัณฑ์ ลั่นรับข้อชี้แนะไปแก้ไข เพื่อให้ประชาชนมีความสุขที่แท้จริง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าว หลังที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแถลงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือข้อเสนอแนะ ต่อคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 152

โดยนายกฯระบุว่า ตนพร้อมจะรับฟังด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปแก้ไขได้ ก็พร้อมรับไปดำเนินการ แต่ขณะนี้เกิดหลายสถานการณ์พร้อมกัน ซึ่งรัฐบาลก็พยายามดำเนินการมาโดยตลอด และตนก็ไม่ได้ทำคนเดียว เพราะต้องทำงานร่วมกับคณะทำงานต่างๆ ทั้งรัฐมนตรี และข้าราชการทั้งประเทศจำนวนหลายแสนคน ที่ได้ช่วยการทำงานในช่วงที่ผ่านมา จากข้อมูลที่ท่านกล่าวมายังไม่ได้ลงในรายละเอียด ซึ่งคณะรัฐมนตรีของตนพร้อมจะชี้แจง

เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังแต่โจทย์อย่างเดียว แต่ให้ได้รับฟังการแก้ปัญหา ความก้าวหน้า และหลักคิดต่างๆ ซึ่งสมาชิกในที่นี่อาจจะมองว่ารัฐบาล และนายกรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ และความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศที่ฟังอยู่ ตนเคยคุยกับนพ.ชลน่าน ครั้งหนึ่ง

ซึ่งนพ.ชลน่าน ได้บอกกับตนว่า เข้าสภาควรจะวางบทบาทให้เหมือนกับรามเกียรติ์ ให้ตนเล่นบทพระราม พระลักษณ์ อะไรทำนองนี้ ส่วนอีกฝ่ายก็เล่นบททศกัณฑ์ ตนคิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์หรอก แต่ท้ายที่สุดรามเกียรติ์ คงรู้อยู่แล้วว่าว่าทศกัณฑ์ตอนท้ายเป็นอย่างไร ตนไม่อยากไปกล่าวอะไรให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน และพยายามระวังตัวที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ท่านกล่าวมาทั้งหมด ประเด็นแรกที่บอกว่ารัฐบาลใช้อำนาจทำกลไกเข้าสู่อำนาจรวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ ตนยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมแบบปี 2557 ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งมาตาม รัฐธรรมนูญ 2560 และคนที่อยู่ในอำนาจเดิมก็มาทำหน้าที่ใหม่ ตามรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายใหม่

ซึ่งในครม.นี้ มีอยู่ 4 คนที่ซ้ำจากเดิม นอกนั้น 32 คนเป็นคนใหม่ทั้งหมด นโยบายต้องต่างกันแน่นอน ส่วนเรื่องการก่อหนี้สาธารณะ การขายเพดานหนี้ และราคาน้ำมันแพง เราก็ชี้แจงได้หมด สถานการณ์วันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เป็นสถาการณ์ที่เป็นวิกฤตการณ์ของโลก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้น การแก้ไขปัญหาต้องมีความยุ่งยาก มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปแก้ปัญหาทั้งหมด ทั้งในเชิงโครงสร้าง เรื่องกลไล วิธีการ และกฎหมาย

เรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 วันนี้เราจัดหาวัคซีนได้เพียงพอ เพราะเมื่อทุกอย่างปรากฏออกมาแล้ว คือมีการพัฒนา การวิเคราะห์ และการวิจัยออกมาแล้ว จนเป็นผลสัมฤทธิ์ เราก็สามารถจัดหาวัคซีนได้ครบ จนประเทศไทยอยู่ในสถานะประเทศที่ได้รับการยอมรับ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และระบุว่า ไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสม ตนคิดว่าการเยียวยาที่เหมาะสมของท่านคืออะไรหรือ คือการช่วยเหลือให้เงิน การสนับสนุนงบประมาณ ซึ่งท่านมองในแง่งบประมาณ เวลาเอาเงินกู้มา ก็บอกว่ากู้ไม่ทั่วถึง และเพิ่มหนี้สาธารณะ

ซึ่งต้องบอกว่าไม่มีใครทำโดยไม่ดูกฎหมาย ซึ่งตนให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ เรื่องการแก้ปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 เรามีแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ทำอยู่แล้ว อย่าพูดลอยๆ หลายคนบอกว่าจะแก้ PM 2.5 แต่อยากให้เอาแค่การแก้ปัญหาจราจรให้ได้ก่อน ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปทุกประเทศเป็นแบบนี้ ตนเอาทุกอย่างเข้าประยุกต์ใช้ ไม่ได้ทำงานแบบสุกเอาเผากิน เพื่อตอบสนองความพอใจของคนบางคน ตนไม่ทำแบบนั้นแน่ แต่จะทำให้คนไทยทุกคนมีความสุขอย่างแท้จริง ไม่ใช่ความสุขจอมปลอม พูดยังไงก็ได้ให้คนเชื่อให้คนรัก นั่นไม่ใช่ตน เพราะตนพูดด้วยความจริงใจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องการบริหารที่ส่อไปในทางทุจริตส่งผลกระทบต่องบประมาณ อย่าพูดคำนี้กับตน หากไม่มีหลักฐาน ไม่มีคดีความที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น ตนยืนยันว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ถ้าตนยังอยู่ จะไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และตัวตนเอง ส่วนเรื่องการเยียวยาผ่านโครงการคนละครึ่งที่มีหลายเฟส ตนไม่ได้ต้องการทำเพื่อคะแนนเสียงทั้งสิ้น แต่ต้องการให้เงินเหล่านี้ไปถึงประชาชนโดยตรง ส่วนการเปิดประเทศทำให้เกิดสภาพคล่องของการค้า บนความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด-19 เจอตรวจสอบครบก็รักษา หลายประเทศเลิกทำวิธีนี้แล้ว

แต่ตนยังเข้มงวดอยู่ สังคมเราอ่อนไหว เราจึงต้องทำให้สังคมเข้มแข็ง ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ ต่างประเทศเขาเปิดประเทศไปเลย เพราะเขาเอาคำว่าชาติมารวมพลังกัน ศาสนา วัฒนธรรม สถานบันก็มี แต่แตกต่างกัน เขาเอาสถาบันเหล่านี้ มาเชิดชูความเป็นหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่เอามาสร้างความแตกแยก แต่แน่นอนถ้ามองในมุมของประชาธิปไตย ทุกประเทศในโลกมีปัญหาแน่

วันนี้สิ่งที่ตนเป็นกังวลที่สุดคือ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ที่ชินแล้วกับการใช้คำพูด วาจาและกิริยาหยาบคาย เคยชินกับความรุนแรงและฝ่าฝืนกฎหมาย ท้ายสุดกลับมาด่าเจ้าหน้าที่ แล้วเราจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ ถ้าจะอยู่กันแบบนี้ต่อไป ก็เป็นความรับผิดชอบของทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล

“ฉะนั้น ขอให้เอาข้อมูล ข้อเท็จจริง และเข้าใจซึ่งกันและกัน ที่ผมพูดมานั้นไม่ได้มีอารมณ์ และโมโหทั้งสิ้น แต่รีบพูดเพราะเรื่องมันเยอะ หากมีเรื่องอะไรที่จะต้องแก้ไข ผมก็จะนำกลับไปแก้ไข ขอบคุณฝ่ายค้าน ฉะนั้นต่างคนต่างเล่นคนละบทบาท ท่านให้ผมเป็นพระลักษณ์ พระรามแล้วท่านเป็นทศกัณฑ์ ดูหนังดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ผมก็ถูกท่านดูอยู่ ดังนั้นทุกคนต้องดูตัวละครตัวอื่นด้วย มันถึงจะสำเร็จ ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์เยอะ” นายกฯ กล่าว

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button