สามีภรรยา ร้องกองปราบ ถูก ตำรวจยัดยา ถุงคลุมหัว ทำติดคุก 14 ปี
สองสามีภรรยาเดินหน้าร้องกองปราบ ถูก ตำรวจยัดยา ทำร้ายร่างกาย ถุงคลุมหัว ทำติดคุก 14 ปี พ.ต.ท โต้ไร้สาระ ยืนยันทำทุกอย่างถูกต้อง
นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นายกล้วย และนางมน พันธแสน อายุ 48 ปี 2 สามีภรรยา พร้อมลูกสาวอีก 2 คน เข้าพบ พ.ต.ต.นันพิพัฒน์ ผังคี สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อแจ้งเอาผิด พ.ต.ท. ผกก.(สอบสวน) สภ.แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี พร้อมพวกประมาณ 12 นาย ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าและร่วมกันปล้นทรัพย์ร่วมกันพรากผู้เยาว์” ที่ร่วมกันจับกุมรุมซ้อมจนบาดเจ็บสาหัส ถูกจับไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อข่มขู่รีดข้อมูล
โดย นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ก.ค.2550 ขณะนั้นนายกล้วย มีอาชีพขายหมู กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีนายตำรวจยศ พ.ต.ท. พร้อมพวก ปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด บุกเข้ามาค้นหายาเสพติดแต่ไม่พบ จึงนำตัวคนในบ้านทั้งหมดไปที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อซักถาม
ก่อนแยกตัวนายกล้วยและนางมนไปสอบปากคำที่เซฟเฮาส์ ระหว่างนั้นใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ใช้ไฟฟ้าชอร์ต นำถุงพลาสติกครอบหัว เพื่อให้รับสารภาพหรือบอกที่ซ่อนยาเสพติด แต่ผู้เสียหายไม่รู้เรื่อง จึงไม่ยอมรับสารภาพ
กระทั่งเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งโทรมาแจ้งว่าพบยาบ้าเกือบ 4 พันเม็ดนอกรั้วบ้านนายกล้วย จึงนำตัวนายกล้วยและภรรยากลับมาที่เกิดเหตุ แล้วให้เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา ควบคุมตัวดำเนินคดี
จากการตรวจสอบพบว่า คดีนี้มีข้อพิรุธหลายอย่าง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ไม่มีหมายค้นและหมายจับ และคำให้การของนายเอ (นามสมมติ) ชาวสปป.ลาว ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกให้การซัดทอดนายกล้วย
ต่อมากลับยอมรับว่า ยาบ้าทั้งหมดเป็นของตน นอกจากนี้ คดียังฟ้องซ้ำในชั้นอัยการ ทั้งที่ไม่ได้สอบปากคำเพิ่ม ทราบด้วยว่า เจ้าหน้าที่ชุดนี้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยถูกฟ้องแต่อย่างใด
ด้าน นายกล้วย กล่าวว่า ตนไม่เคยรับสารภาพและต่อสู้คดีมาถึง 3 ศาล ก่อนถูกตัดสินติดคุกอยู่นานถึง 14 ปี กระทั่งได้พระราชทานอภัยโทษออกมา จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานรัฐ ทั้งกระทรวงยุติธรรม และผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงเดินทางมาเข้าแจ้งความกองปราบปรามเพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องคดีด้วย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป
พ.ต.ท. คู่กรณี กล่าวสั้นๆ เพียงว่า ตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูกร้องเรียน ยืนยันว่าปฏิบัติตามหน้าที่อย่างถูกต้อง เรื่องที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความนั้นก็ถือเป็นสิทธิ์ ก็จะขอสู้คดีต่อไป ขอยืนยันว่า ไม่มีการบังคับยัดยาเสพติด หรือทำร้ายร่างกายและรีดทรัพย์ ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด