นักแสดงหนุ่ม ‘อั๋น โอลิเวอร์’ เผยคำสั่งเสียสุดท้ายของพี่ชาย ‘ไมเคิล พูพาร์ต’ ทั้งน้ำตา เขาสั่งเสียไว้หมดแล้ว ไปแบบหมดห่วงจริง ๆ
หลังจากที่มีข่าวการจากไปของ ‘มิเชล ชัยโรจน์ พูพาร์ต‘ หรือ ‘โอ๋ ไมเคิล พูพาร์ต‘ วัย 52 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่า สาเหตุเกิดมาจากปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากเจ้าตัวมีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รักษามานานกว่า 2 ปี
ล่าสุด (17 ม.ค.) ทางนักแสดงหนุ่ม ‘อั๋น โอลิเวอร์ พูพาร์ต‘ น้องชายของ ไมเคิล ได้มีการออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ หลังเดินทางไปร่วมงานพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรม ณ วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ ลาดพร้าว โดยระบุว่า
“ก่อนอื่นก็สวัสดีทุกคนนะครับ (ยกมือไหว้) จริง ๆ ก็เตรียมคำพูดมา พอมาถึงตรงนี้ก็นึกคำพูดไม่ออก มันเป็นช่วงเวลาที่เสียใจของทางครอบครัว ก็เป็นไปตามที่ในข่าว พี่ชายผมได้จบชีวิตตัวเองแล้วเมื่อวานนี้ แกเป็นโรคซึมเศร้ามาได้สักพักนึงแล้ว
ตอนที่เป็นหนัก ๆ เราก็พยายามให้แกกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณแม่ก็เป็นคนดูแลอยู่ได้ 3-4 เดือน ก่อนที่แกจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองไปนะครับ พอมาถึงที่นี่ก็พาไป รพ. ทานยา พูดคุยกันทุกวัน แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ในส่วนของผม ผมคงไม่มีอะไรจะแจ้งมากไปกว่านี้
พี่ชายผมเป็นคนสงบ เงียบ ๆ เป็นคนรักสันโดษ ตั้งแต่เขาออกจากวงการไปก็ไปดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงอยู่ 8-9 ปีก่อนที่พ่อจะเสียไป หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่อยากกลับเข้ามาวงการ เขาอยากใช้ชีวิตสบาย ๆ สันโดษที่ จ.เชียงใหม่ เราได้พูดคุยกันตลอด เขาเกริ่นไว้ว่าถ้าจัดงานศพก็ขอแค่วันเดียวเผาเลยนะ ไม่ต้องมีพิธีการอะไรมาก นั่นคือสไตล์ของเขา
แต่ก็นั่นแหละครับ พอมาถึงวันนี้ผมก็อยากเชิญชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน คนที่ทักกันมาเยอะ ก็ดีใจที่ยังมีคนรักและคิดถึงพี่ชายผมอยู่ ผมก็ถือโอกาสนี้ฝากพี่ ๆ สื่อมวลชนประกาศวันเวลาให้เพื่อนพี่น้องที่อยากจะมาร่ำลาพี่ชายผมเป็นครั้งสุดท้ายครับ”
มีคำพูดอะไรที่เขาทิ้งไว้บ้างไหม ?
“คำพูดมันมีเยอะครับ คำพูดที่คุยกันไว้ก่อนเสีย คือจะต้องบอกว่าอาการซึมเศร้าที่เขาเป็นมันไม่ใช่เป็นอาการชั่ววูบ เขาไม่สบายมาสักพักนึงแล้ว ผมพยายามพูดคุยกับเขา ให้กำลังใจ แน่นอนก่อนที่จะมาถึงวันนี้เขายังมีการพูดคุยห่วงใย ไม่อยากจะให้แม่ได้เห็นสภาพ อยากให้คนที่ดูแลอยู่ที่บ้านก็คือพี่ชายดูแลแม่
ตอนที่พี่โอ๋เขาป่วย เขาก็กลับมาที่กรุงเทพฯ เขาก็สั่งเสียไว้ทุกอย่าง เราก็ได้คุยกันโดยตลอด ผมก็บอกว่าอย่าทำนะ คิดถึงพ่อแม่ การสั่งเสียจะบอกว่าสั่งเสียร่ำลา ได้คุยเอาไว้แล้ว เพราะในใจลึก ๆ ก็รู้สึกว่าคราวนี้เป็นหนักมาก ๆ ส่วนตัวผมเองก็รู้สึกว่าพูดร่ำลากันไว้ก่อนก็ดี ก่อนจะมาถึงเหตุการณ์แบบนี้ก็ร่ำลากันเรียบร้อยแล้วครับ”
สิ่งที่เขาห่วงที่สุดคือคุณแม่ ?
“เขาห่วงแม่และก็ห่วงลูกเขาแหละครับ คือเขารู้ว่าคุณแม่ได้รับการดูแลดีอยู่แล้ว มีพี่ชายดูแลอยู่ ผมก็อยู่บ้านข้าง ๆ กัน ไม่ได้มีอะไร ในตอนสุดท้ายเขาไม่ได้ห่วงอะไรแล้วครับ เขาสั่งเสียไว้หมดเรียบร้อยแล้ว (ปาดน้ำตา) เขาไปแบบหมดห่วงจริง ๆ (เสียงเครือ)”
เรื่องลูกใครดูแลต่อ ?
“ลูกเขาเป็นลูกบุญธรรมครับ ทางแม่เขาก็ดูแลต่อไปนะครับ”
สาเหตุการเสียชีวิต ?
“การเป็นโรคซึมเศร้า มันมีหลายสาเหตุแหละครับ แต่สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่เขาแหละครับ ไอ้โรคบ้า ๆ แบบนี้มัน… (นิ่งไป) ทางบ้านไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิตของพี่ชาย แต่เสียใจแน่นอน”
พี่ชายคนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ?
“พี่ชายผมเป็นคนดีนะฮะ เขาเป็นคนที่ให้ เขาทุ่มเท ผมรู้สึกว่าในทางครอบครัวเราคงจะ… เขาให้มากเกินไปด้วยซ้ำไป ให้ไปเกินร้อย แต่นั่นคือนิสัยเขา เขาชอบช่วยเหลือคน เขาเป็นคนมีเมตตาครับ”
หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป ?
“อย่างที่บอกว่าพี่ชายผมเขาขอว่าแค่วันเดียว แต่ผมก็แกล้งโจ๊กกับเขาว่าเฮ้ย วันเดียวคนอาจจะมาไม่ทันนะ เป็น 3 วันได้มั้ย ถามวันเผา ตอนคุยกันก็…ใจจริงถ้าเราปลงได้ก็จบนะฮะ ชีวิตคนเรา แต่เขาขอไว้ว่างั้น 3 วันเผาแล้วกัน ก็จะเป็นไปตามที่เขาขอและต้องการ วันนี้เป็นวันรดน้ำและสวดวันแรก สวด 3 วัน วันพฤหัสก็เผาครับ หลังจากนั้นก็จะทำพิธีลอยอังคาร แต่ว่าจะเก็บไว้ก่อน หาฤกษ์ที่ดีไปลอยอังคารกันครับ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าเป็นที่ไหนครับ”