ข่าวข่าวอาชญากรรม

พ่อแม่ทำร้ายร่างกายลูก 11 ขวบ ขอรับลูกคืน อ้างตีลูกแค่สั่งสอน

พ่อแม่ทำร้ายร่างกายลูก 11 ขวบ เดินทางขอรับลูกคืน หลังมีคลิปเตะลูก อ้างตีลูกแค่สั่งสอน เชื่อน้าเสี้ยมให้เกลียดเพราะไม่ถูกกับน้องชาย

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่คลิปเหตุการณ์ของชายวัย 42 ปี ทราบชื่อว่านาย สาธิต ลงมือทำร้ายร่างกาย ลงมือทำร้ายร่างกาย เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 11 ขวบ ด้วยการตี และใช้เท้าเตะทำร้ายร่างกาย จนน้าสาวทนไม่ไหวหอบหลักฐานไปฟ้องแจ้งความเอาผิด

Advertisements

โดยล่าสุด พ่อ แม่ รวมทั้งเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ได้เดินทางมาเจรจากัน ที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ โดยทางด้าน นายสาธิต อายุ 42 ปี พ่อของเด็ก และ นางภาวิณี อายุ 36 ปี แม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ได้เดินทางมาเจรจาขอรับลูกสาวคืน จากนายทัศนัย อายุ 31 ปี น้าชาย และ นางสาวเพชรนรี อายุ 30 ปี น้าสะใภ้ โดยมี นายเฟื้อน อายุ 80 ปี พร้อมด้วย นางแดง อายุ 65 ปี ปู่และย่า ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นสักขีพยานในการเจรจารับตัวด้วย

ส่วนข้อสรุปที่ว่าเด็กหญิงเอ จะต้องกลับไปบ้านพร้อมกับพ่อแม่นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ ทาง เจ้าหน้าที่ พม.ทำการสอบสวน เรื่องนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน ส่วนผลการสอบจะออกมาอย่างไรนั้น ยังไม่มีข้อสรุปในค่ำคืนนี้

จากการสอบถาม นายเฟื้อน อายุ 80 ปี ปู่เด็กหญิงเอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองไม่เคยทราบเรื่องเลย ว่าหลานถูกตีมาก่อน เพิ่งจะมารู้วันนี้ หลังจากผู้ใหญ่ ผู้สื่อข่าวเข้าไปหาที่บ้าน ยังนึกเอะใจว่าทำไมหลานไม่มาบ้านปู่ มาซื้อของเลย เพราะที่บ้านปู่ขายของชำ ซึ่งในกรณีที่พ่อเขาทำร้ายลูก ตนไม่อยากให้ทำอย่างนี้ มันไม่ดีที่ทำลูก ถ้าอยากตักเตือนก็ให้ใช้ไม้เรียวให้สั่งสอนดีๆ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเองน่าจะโมโหฝ่ายตรงข้าม เลยเผลอลงที่ลูก ส่วนตัวนั้นตนเองก็เคยตีลูกจนหลังแตก เย็บ 5 เข็มก็มี ตอนที่เขาดื้อ ซึ่งเหตุการณ์นี้ ตนเองจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก จะคอยดูแลหลานเอง เพราะบ้านห่างกัน ประมาณ 30 เมตร

ด้าน นางแดง อายุ 65 ปี ผู้เป็นย่า กล่าวว่า ส่วนตัวแล้ว ตนเองไม่เคยเห็นพ่อแม่ตีลูก หรือทำร้ายเลย มีแต่ขู่ตะคอก อันนี้มีจริง บางทีเวลาพ่อเรียกใช้โน่น ใช้นี่ แล้วลูกไม่มา ก็จะด่าว่าให้ระวังตัวไว้นะ เดี๋ยวจะโดนตี ลูกก็จะมาทันที ซึ่งเป็นธรรมดาของพ่อแม่ อันนี้ตนเองพูดตามความจริง

ซึ่งตนเองก็รักหลานทุกคน เวลาไม่เห็นหลาน ตนเองก็จะถามหาตลอด โดยหลานเป็นคนนิสัยดี พูดจาอ่อนหวาน แต่ระยะหลัง รู้สึกน้องเปลี่ยนไป ไม่เคยมาหาย่าเลย แต่เวลาย่าถามว่าน้องไปไหน 3-4 วันแล้ว ย่าไม่เห็นเลย น้องก็บอกว่าไปบ้านตา ไปเลี้ยงน้อง ซึ่งตามปกติจะมาหาทุกวัน

Advertisements

ขณะที่ นางภาวิณี อายุ 36 ปี แม่เด็ก เผยว่า ก่อนหน้าที่จะมีคลิปทำร้ายลูกออกมา ตนเองยอมรับว่า เคยตีลูกบ้าง แต่ว่าไม่มีความรุนแรงภายในบ้าน สาเหตุที่ตีเพื่อสั่งสอน เวลาแกล้งน้อง และที่บอกว่าตนเองถือมีดขู่ เพราะขณะนั้นตนเองอยู่ในครัว ถือมีดทำกับข้าว ก็แค่ถือมีดบอกลูกว่า อย่านะ ประมาณนั้น คล้ายปรามลูก ซึ่งตามปกติ ลูกตนเป็นเด็กดี นิสัยดี ขยันเรียน ส่วนตัวเชื่อว่า ที่ลูกเปลี่ยนไปเพราะทางฝ่ายนั้นเสี้ยมสอนให้เกลียดพ่อกับแม่ ยอมรับว่า ตนเองกับน้องชาย มีปัญหาไม่ลงรอยกัน เราจะมีปัญหาส่วนตัวกันมาตลอด

จึงคิดว่าเขาเกลียดหนู ใช้ลูกหนูเสี้ยมสอน ไม่ยอมให้กลับมาอยู่กับพ่อแม่ โดยในวันนี้หากได้ลูกกลับไปดูแลก็จะปรับความเข้าใจกับลูก รับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ด้วยความที่ว่าลูกไม่เชื่อฟัง เราอยากได้ลูกกลับคืนมา เพราะเขาคิดไม่ดีกับเรา รู้สึกเสียใจ ที่ลูกไม่ยอมเชื่อเรา แต่ไปเชื่อคนอื่น ต่อจากนี้ตนเองไม่อยากให้ทางฝ่ายน้องชายกับฝ่ายน้องสะใภ้ มายุ่งกับทางครอบครัวตนเอง เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง เพราะไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว ไม่อยากให้ใช้ลูกตนเองเป็นเครื่องมือ

ด้าน นายสาธิต อายุ 42 ปี พ่อเด็ก กล่าวว่า เมื่อก่อนเวลาตนบอกอะไรกับลูกก็ฟังตลอด แต่พอเจอกับทางฝ่ายนั้น ลูกของตนก็ถูกกล่อม จนมีอาการเปลี่ยนไป โดยวันเกิดเหตุตนเองไปตามลูกกลับบ้าน และซ่อมไดร์ไปด้วย ก็ลองเรียกดู ซึ่งอยู่ในห้องก็ไม่ออกมา พอตนซ่อมเสร็จจะกลับบ้าน เลยเรียกลูกให้กลับบ้าน แต่ลูกบอกว่า ไม่ ตนจึงมองเข้าไปทางหน้าต่าง เห็นเขากำลังสอนลูกตนอยู่ เลยปีนหน้าต่างเข้าไป ด้วยความโกรธที่ลูกไปเชื่อคนอื่น เลยใช้ทัพพีเก่า ตีเข้าไป 2-3 ที และเตะลูก แต่ยอมรับว่าทำไม่แรงเพราะตนก็กลัวลูกเจ็บ ที่ทำเพื่ออยากขู่ให้กลับบ้าน ซึ่งวันนั้นลูกก็ยอมกลับมาบ้านด้วยมานอนอยู่ที่เตียง ก็ปล่อยให้เขานอน

ชมคลิปต้นฉบับได้ ที่นี่

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button