เทคโนโลยี

Tank Must สมาชิกใหม่จากตระกูลแทงก์ เรือนเวลาเอกลักษณ์ซึ่งไม่เคยหยุดนิ่ง…ชิ้นไอคอนิคที่คุณ ‘ต้อง’ ครอบครอง

แทงก์ มัสท์ (Tank Must) สมาชิกใหม่จากตระกูลแทงก์ เรือนเวลาเอกลักษณ์ซึ่งไม่เคยหยุดนิ่ง…ชิ้นไอคอนิคที่คุณ ‘ต้อง’ ครอบครอง

คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส เปิดตัวนาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) สมาชิกใหม่ล่าสุดจากตระกูลแทงก์ คอลเลคชั่นเรือนเวลาที่ขึ้นแท่นเป็นไอคอนของคาร์เทียร์นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1917 นาฬิกาแทงก์ มัสท์คือการบรรจบกันระหว่างเรือนเวลาที่เป็นไอคอนของแบรนด์อย่างแทงก์ (Tank) และมัสท์ (Must) คอลเลคชั่นเรือนเวลาที่โด่งดังในยุค 1970 นอกจากสายหนังและสายสตีล นาฬิกาแทงก์ มัสท์ ยังมีรุ่นกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และสายจากวัสดุพิเศษที่ปราศจากชิ้นส่วนจากสัตว์อีกด้วย นับเป็นนวัตกรรมในการรังสรรค์เรือนเวลาอย่างไม่หยุดนิ่งของเมซงคาร์เทียร์

Advertisements

นาฬิกาแทงก์ (Tank Watch): ตำนานแห่งเรือนเวลาของคาร์เทียร์

เรือนเวลารุ่นแทงก์ได้จารึกความสง่างามของคาร์เทียร์ผ่านดีไซน์ที่คมชัดและเพรียวบาง นับตั้งแต่หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) สร้างสรรค์เรือนเวลานี้โดยรับแรงบันดาลใจมาจากสี่เหลี่ยมผืนผ้าเมื่อปี ค.ศ. 1917 หลุยส์ คาร์เทียร์ เลือกหน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทำให้นาฬิกาแทงก์โดดเด่นจากนาฬิกาข้อมือทั่วไปในยุคนั้นซึ่งมีหน้าปัดเป็นทรงกลม ทำให้นาฬิกาแทงก์มีกลิ่นอายที่ล้ำสมัย อยู่เหนือกาลเวลามาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน เส้นตรงสองเส้นที่ขนาบข้างหน้าปัดนับเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลารุ่นนี้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพมุมสูงของรถถัง โดยมีเอกลักษณ์เป็นคานสองชิ้นประกบเข้ากับตัวเรือนทรงเหลี่ยมดุจล้อรถและหอบังคับการ การประกอบตัวเรือนกับสายนาฬิกา ทำได้กลมกลืนเสียจนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อรักษาหัวใจหลักของแรงบันดาลใจที่น่าทึ่งนี้เอาไว้

นาฬิการุ่นแทงก์ ได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นนาฬิกาคู่ใจของบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายจนมีคำกล่าวว่า การสวมใส่แทงก์ คือการประกาศตัวตน จนนาฬิกาแทงก์กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งยุคสมัย หลังจากเวลาล่วงเลยไปกว่าศตวรรษ นาฬิการุ่นนี้จึงถูกนำกลับมาตีความใหม่อีกครั้งในปี 2021 ในชื่อรุ่น แทงก์ มัสท์ โดยทั้ง แทงก์ (Tank) และมัสท์ (Must) คือผลลัพธ์ที่ลงตัวระหว่างสัญลักษณ์สำคัญประจำเมซงคาร์เทียร์ โดยแทงก์ (Tank) คือคอลเลคชั่นสำคัญของแบรนด์ ในขณะที่มัสท์ (Must) คือคอลเลคชั่นนาฬิกาอันเป็นอมตะของคาร์เทียร์ที่ใครๆ ก็ต้องมีไว้ในครอบครอง ในปีนี้ คาร์เทียร์นำขนบของความหรูหราคลาสสิกกลับมาอีกครั้งผ่านนาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) อันเป็นเสมือนการบรรจบกันระหว่างเรือนเวลาที่เป็นไอคอนของแบรนด์ และเรือนเวลาที่โด่งดังในยุค 1970

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must): ดีไซน์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) เป็นผลผลิตแห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างมาก นับเป็นอีกเอกลักษณ์ของเมซงคาร์เทียร์ที่ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์และกลไกอยู่เสมอ ด้วยพันธสัญญาด้านศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูง ซึ่งได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายออกแบบจึงได้รังสรรค์นาฬิการุ่นแทงก์ มัสท์ (Tank Must) อีกครั้ง โดยมาในรุ่นโมโนโครมและรุ่นดั้งเดิมพร้อมกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ ได้รับแรงบัลดาลใจจากนาฬิการุ่นแทงก์ หลุยส์คาร์เทียร์ เมซงคาร์เทียร์ออกแบบและปรับเปลี่ยนดีไซน์นาฬิกาแทงก์ มัสท์ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรุ่นดั้งเดิมเอาไว้ ทั้งคานปลายมนสองชิ้นที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือน และสัดส่วนของหน้าปัด ความชำนาญอันเป็นเลิศด้านการออกแบบที่ถูกกำหนดไว้ ได้ให้กำเนิดเรือนเวลาที่หาญกล้าย้อนเวลาเพื่อนำความคลาสสิกกลับมาประดับบนทุกรายละเอียดปลีกย่อย ไปจนถึงชิ้นส่วนที่เล็กที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะยมเจียระไนแบบคาโบชง และการกลับมาของตัวล็อกสายแบบ Ardillon Buckle สไตล์ดั้งเดิมสำหรับรุ่นสายหนัง ชั้นเชิงศิลป์ในการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงของเมซงคาร์เทียร์นั้นเปี่ยมด้วยความชำนาญในทุกขั้นตอน ตั้งแต่สายสตีลพร้อมข้อต่อทรงโค้งมนซึ่งถูกออกแบบใหม่และสามารถถอดเปลี่ยนสายได้ ไปจนถึงกลไกควอทซ์ประสิทธิภาพสูงจากเมซงซึ่งแบตเตอรี่คงคุณภาพยาวนานถึง 8 ปี

Advertisements

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must): เฉดสีโมโนโครมแห่งยุค 1980

Tank Must

หลังจากที่นาฬิกามัสท์ เปิดตัวไปเมื่อปี ค.ศ. 1977 คาร์เทียร์ได้นำนาฬิกาแทงก์ ซึ่งถือถือเป็นผลงานระดับไอคอนจากศิลปะ การประกอบเรือนเวลาชั้นสูงของเมซงคาร์เทียร์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนหน้านั้นมาออกแบบใหม่อีกครั้งด้วยวัสดุเวอร์มิล (Vermeil) ฉีกกรอบเรือนเวลาจากยุคเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีเบอร์กันดีหรือดำสนิท หรือโลโก้สีทองโดดเด่น เลือกที่จะแตกต่างบนความสง่างามที่เรียบง่ายกว่าเดิม นาฬิกาแทงก์ มัสท์รุ่นใหม่ในปี 2021 มาพร้อมดีไซน์ที่รักษาจิตวิญญานแห่งยุค 1980 ให้เลือกสรร ผ่านเฉดสีโมโนโครมที่เปรียบดั่ง DNA ของคาร์เทียร์ทั้ง 3 สี ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียว พร้อมตัวเรือนสตีลที่มีหน้าปัดเรียบ มินิมัล ปราศจากตัวเลขหรือเส้นสายอื่นใด มาพร้อมกับสายหนังในโทนสีเข้ากัน

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must): เรือนเวลาแรกที่บุกเบิกหน้าปัดเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic Dial)

นับตั้งแต่แรกเริ่ม ความปรารถนาอันแรงกล้าแห่งศาสตร์เรือนเวลาชั้นสูงของคาร์เทียร์ คือการมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยอาศัยความก้าวหน้าเชิงเทคนิคควบคู่กับพันธสัญญาของคาร์เทียร์และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งคาร์เทียร์ได้ริเริ่มบุกเบิกนาฬิกาข้อมือเรือนแรกในรุ่นซานโตส (ค.ศ.1904) และรุ่นซานโตสแบบหัวเข็มขัดพับ (Folding buckle) (ค.ศ. 1910) และไม่เคยหยุดตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้านับแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตร QuickSwitch™ (ค.ศ. 2018) ที่มอบความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาได้ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่หน้าปัดนาฬิกาเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic Dial) ในรุ่นแทงก์ มัสท์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยทุกนวัตกรรมล้วนรังสรรค์มาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและความพึงพอใจของลูกค้าคนพิเศษของคาร์เทียร์

ความท้าทายในทุกชิ้นงานคือการใช้เทคนิคใหม่เพื่อปรับรูปทรงและความสวยงาม การหาสมดุลยภาพระหว่างความทันสมัยและขนบดั้งเดิมของศิลป์แห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงให้บรรจบกันอย่างสมบูรณ์ โดยความท้าทายและพันธสัญญาดังกล่าวถูกรังสรรค์ให้เด่นชัดขึ้นโดยศูนย์ผลิตนาฬิกาของคาร์เทียร์ ณ เมืองโชเดอฟงส์ (La Chaux-de-Fonds) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงโรงงานผลิต หากแต่ยังเป็นศูนย์วิจัย สร้างสรรค์ และคิดค้นพัฒนานวัตกรรม ที่ได้นำหลักการเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic) มาใช้กับหน้าปัดของเรือนเวลารุ่นแทงก์ มัสท์ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใดๆ โดยความสำเร็จด้านเทคนิคนี้อาศัยช่องว่างระหว่างเลขบอกเวลาโรมันบนหน้าปัด เปิดเป็นช่องให้พลังงานแสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้าสู่เซลล์แสงอาทิตย์ที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด ซึ่งทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการผสานกลไก โซลาร์บีท™ (SolarBeat™) ที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 16 ปี เข้ากับแทงก์ มัสท์ เรือนเวลาแรกที่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้

จากธรรมชาติ สู่ความหรูหราบนเรือนเวลา: สายจากวัสดุพิเศษที่ปราศจากชิ้นส่วนจากสัตว์

Tank Must

นอกจากนี้ นาฬิกาแทงก์ มัสท์ยังมาพร้อมกับตัวเลือกสำหรับสายที่ผลิตจากวัสดุนวัตกรรมใหม่ซึ่งมอบทั้งคุณภาพและสัมผัสสบายยามสวมใส่บนข้อมือ ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 40% โดยประกอบด้วยเศษพืชจากการเพาะปลูกแอปเปิ้ลเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และอิตาลี

กระบวนการผลิตของสายนาฬิกานี้บ่งบอกถึงอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับการผลิตสายนาฬิกาหนัง ลูกวัว โดยสามารถการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ (Carbon Footprint) ได้มากว่ากว่า 6 เท่า ประหยัดน้ำมากกว่า 10 ลิตร และลดพลังงานได้อีกกว่า 7 เมกะจูล หรือเทียบเท่ากับการชาร์จโทรศัพท์สมาร์ทโฟนประมาณ 80 ครั้ง กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นในยุโรปซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแบรนด์ ด้วยการใช้เศษพืชจากแอปเปิ้ลที่ปลูกในยุโรป สู่ผู้ผลิตวัสดุในประเทศอิตาลี และส่งต่อสู่ผู้ผลิตสายนาฬิกาในประเทศโปรตุเกส ไปจนถึงโรงงานประกอบเรือนเวลาชั้นสูงในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากจะรักษาชื่อเสียงในความเป็นเรือนเวลาที่ล้ำสมัยอยู่เสมอแล้ว นาฬิกาแทงก์ยังเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต และกับนาฬิกาแทงก์ มัสท์นี้ก็เช่นกัน คาร์เทียร์ยังคงหาญกล้าที่จะรังสรรค์เรือนเวลาเพื่อท้าทายกาลเวลา ในขณะเดียวกันยังเผยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นที่มองไปยังวันข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง

นาฬิกาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ (Tank Louis Cartier)

Tank Must

หลังจากได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปีค.ศ.1917 เรือนเวลาแทงก์อีกหลากหลายรุ่นก็ได้มีการแตกแขนงอย่างต่อเนื่อง หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) นำนาฬิกาแทงก์หลายรุ่นมาออกแบบอีกครั้ง โดยรุ่น หลุยส์ คาร์เทียร์ หรือ แทงก์ เอล. ซี. (Louis Cartier) ได้รับการออกแบบอิงจากรุ่น ปีค.ศ.1922 ให้มีตัวเรือนที่ยาวขึ้น พร้อมคานประกบตัวเรือนที่บางลงและมีขอบโค้งมนสวย ถือเป็นกำเนิดใหม่แห่งความคลาสสิกอันไร้ที่ติ ด้วยลายเส้น หรือ Rail Tracks บริเวณกรอบหน้าปัด เม็ดมะยมประดับด้วยแซฟไฟร์เจียระไนทรงคาโบชง อีกทั้งตัวเลขโรมันบอกเวลาซึ่งเผยความงามอมตะที่เป็นหัวใจหลักของศิลป์แห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงจากเมซง ผ่านเรือนเวลารุ่นล่าสุดที่ถูกปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย เพื่อส่งต่อมรดกแห่งขนบที่เหนือกาลเวลานี้

นาฬิกาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์เนรมิตความสง่างามด้วยสองเฉดสี ที่เป็นดั่ง DNA ของคาร์เทียร์ ได้แก่สีแดงก่ำลุ่มลึก และ สีน้ำเงินสว่างสดใส ทั้งสองเฉดล้วนเพิ่มมิติและความโดดเด่นให้กับเส้นสายที่เฉียบคมของนาฬิการุ่นนี้ นอกจากนี้คาร์เทียร์ยังได้ผสานรายละเอียดที่รุ่มรวยขึ้นด้วยตัวเลขโรมันและเส้นเดินรอบขอบหน้าปัด หรือ Rail Tracks ในเฉดสีทอง ที่ช่วยขับให้ทุกส่วนประกอบกราฟฟิกบนหน้าปัดเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยเรือนสีน้ำเงินมาจับคู่มากับกรอบหน้าปัดสีพิงค์โกลด์ ในขณะที่เรือนสีแดงนำเสนอกรอบหน้าปัดสีเยลโลโกลด์ ทั้งหมดมาพร้อมสายนาฬิกาในโทนสีเดียวกันกับหน้าปัด โดยใช้กลไก Manufacture 1917 MC ไขลานด้วยมือ

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนสตีลและสายหนัง หรือตัวเรือนสตีลพร้อมสายสตีลในกลไกควอทซ์, ตัวเรือนสตีล สายจากวัสดุธรรมชาติ พร้อมกลไกพลังงานแสงอาทิตย์ (SolarBeat™) หรือหรูหราอย่างมีระดับด้วยตัวเรือนฝังเพชร ในราคาเริ่มต้นเพียง 85,500 บาท จับจองนาฬิกาแทงก์ มัสท์และนาฬิกาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ ได้ที่คาร์เทียร์บูติค สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียมและไอคอนสยาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Thaiger deals

Math Navanarisa

หญิงสาวผู้สนใจคอนเทนต์สายบันเทิง ดารา หนัง ซีรีส์ ไลฟ์สไตล์ ผู้หญิง อัปเดตเทรนด์ที่เป็นกระแสขณะนี้ด้วยเนื้อหาน่าสนใจ เข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button