ข่าว

สธ. เตรียมเสนอ ศบค. ผ่อนมาตรการโควิด สามกิจการ

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอที่ประชุม ศบค. ถึงการ ผ่อนมาตรการโควิด สำหรับสามกิจการ หลังตัวเลขผู้ป่วยใหม่เริ่มลดลง

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเสนอมาตรการเพื่อเปิดบางกิจการ ภาพรวมหลังล็อกดาวน์มา 4 สัปดาห์กว่า สถานการณ์การติดเชื้อเป็นไปตามฉากทัศน์ที่วางไว้ คือ ผลของการล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพลดติดเชื้อ 20-25% แต่ต้องติดตามไปอีกระยะ ต้องขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือปฏิบัติไม่ให้แพร่ระบาดรุนแรง เรากำลังเริ่มลดลงเล็กน้อย

ส่วนอัตราเสียชีวิตยังสูง โดยเฉพาะในกลุ่ม 607 คือ ผู้สุงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรค ทำให้การตายค่อนข้างสูงในแต่ละวัน แต่สามารถลดได้โดยเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งไทยกำลังเร่งฉีดวัคซีนอยู่ ก็มีแค่ กทม.เท่านั้นที่ฉีดผู้สูงอายุได้ตามเป้าหมายกว่า 90% ที่ฉีดวัคซีน

ส่วนต่างจังหวัดอัตรายังต่ำ จึงต้องเร่งฉีดเพื่อกดการเสียชีวิตลงให้ลงมาอยู่ในประสิทธิผลการล็อกดาวน์ลดติดเชื้อ 25% ให้ได้ แต่ตัวเลขเริ่มดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะลดลงต่อไป

“การติดเชื้อตั้งแต่ เม.ย.-มิ.ย. มีการเร่งขึ้นมาของอัตราการติดเชื้อ และเร่งเพิ่มมามากๆ จนเราประกาศมาตรการทางสังคมหลายฉบับ เพิ่งจะเริ่มชะลอได้ ปัจจุบันกราฟผู้ติดเชื้อรายวันเลยจุดสูงสุดมาแล้ว ขณะนี้กำลังค่อยๆ ลงมา

ซึ่ง กทม.และปริมณฑลก็มีลักษณะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และค่อยๆ ย่อตัวลงเช่นเดียวกับต่างจังหวัด ซึ่งหมายถึงว่าประเทศไทยขณะนี้น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มทิศทางค่อยๆ ลดลง ยังต้องขอความร่วมมือประชาชน กิจการต่างๆ ให้พยายามคงมาตรการ ให้ความร่วมมือรัฐบาล เพื่อให้การติดเชื้อไม่รุนแรงขึ้นเหมือนแต่ก่อน และพยายามไม่ให้เกิดสถานการณ์นี้อีกในอนาคต เราได้บทเรียนครั้งนี้ถือว่ารุนแรงและมีผลกระทบในวงกว้าง” นพ.เกียรติภูมิกล่าว

“ในส่วนของร้านอาหารเราเน้นในระบบปิด คือ ห้องปรับอากาศ โดยเราเสนอให้นั่งรับประทานอนุญาต 50% แต่รายละเอียดขึ้นกับ ศบค.พิจารณา โดยเวลาเปิดยังถึง 20.00 น.เหมือนเดิม ส่วนการเดินทางเราเสนอให้อนุญาตเดินทางได้ แต่อยู่ภายใต้มาตรการเข้มงวดดังกล่าว โดยเฉพาะสายการบินที่พยายามให้การเดินทางปลอดภัยที่สุด แต่การเดินทางโดยรถต้องมีมาตรการอื่น เพราะอาจยังทำไม่ได้เต็มที่” นพ.เกียรติภูมิกล่าวและว่า ส่วนการปรับสีพื้นที่ยังไม่ได้เสนอให้ปรับ เพื่อให้ทุกคนตระหนักว่าสถานการณ์มีการติดเชื้อสูง แม้มีแนวโน้มดีขึ้น แต่จำนวนตัวเลขแต่ละวันยังอยู่ที่ 1.7-1.8 หมื่นราย ประชาชนตระหนักต้องรุนแรงอยู่ จะอนุญาตดำเนินการกิจการเท่าที่จำเป็น

ทั้งนี้ กิจการต่างๆ ถ้าเปิดแล้วต้องช่วยกันดูแล ไม่อยากให้ปิดอีก ขอให้ระลึกถึงการป้องกันตนเองตลอดเวลา โดยมาตรการเหล่านี้ยังไม่ได้บังคับ เป็นมาตรการแนะนำเบื้องต้นและจะเป็นมาตรฐานต่อไป ซึ่งหลังจากเปิดกิจการต่างๆ

อาจจะมีกิจการต้นแบบและใช้เป็นมาตรฐานในอนาคตต่อไป จะมีการกำกับติดตามเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ซึ่งหลายกิจการเสนอตัวเข้ามาใช้ระบบนี้ จะได้รับการสนับสนุนจาก สธ. อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการแล้วประเมินแล้วว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็อาจต้องกลับมาเข้มงวดตามเดิม

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button