ข่าวดาราบันเทิง

อุ๊บ วิริยะ จ่อฟ้อง ลุงพล หลังเอารูปไปแอบอ้างรับบริจาค

อุ๊บ วิริยะ จ่อฟ้อง ลุงพล หลังเอารูปตนไปแอบอ้าง รับบริจาคยอดเกือบล้าน! เจ้าตัวเผย ทุกวันนี้พระยังไม่ได้สักบาท

เมื่อไม่นานมานี้ ลุงพล ไชย์พล วิภา ได้ถูกแฉคลิปทำร้ายร่างกายนักข่าว แย่งไมค์ และทุบหลัง ขณะกำลังตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ศาลเเม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านของลุงพล หลังเจ้าตัวเปิดให้ชาวบ้านเข้ามากราบไหว้บูชา

Advertisements

ล่าสุด (19 ม.ค.) ทาง อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ อดีตคนสนิทของลุงพล ผู้ที่เป็นคนผลักดันให้ลุงพลเข้าสู่วงการบันเทิง ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ ถามสุดซอย ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 พร้อมเผย ลุงพลเอารูปตนไปแอบอ้าง รับบริจาคยอดเกือบล้าน! เจ้าตัวเผย ทุกวันนี้พระยังไม่ได้สักบาท โดยระบุว่า

“ถามว่าทำไมตอนนี้คิดมาฟ้อง ตอนนั้นรักกัน น้ำต้มผักขมก็ว่าหวาน ตอนนี้มันเจือจางแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับตาคนนั้นมันเยอะมาก จริงๆ เรื่องเอารูปไปทำมาหากิน รับบริจาคก็ไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาทำกับเรา มันเพิ่มพูนเป็นดินพอกหางหมู เราให้อภัยแล้วก็ไม่หยุด มีครั้งหนึ่ง สอง สาม สี่ แล้วไม่ใช่เราโดนคนเดียว หมอปลากับคุณน้ำฟ้าที่เรารักก็โดน เราน้ำตาตกเลย โกรธมาก ทำแบบนี้ได้ยังไง คนแบบนี้ไม่เคยเจอเลยในชีวิต

ก็เลยเอาซะหน่อย เหมือนสั่งสอนว่าคุณทำไม่ถูกต้องนะ เลยรวบตึงเลย เลยเอางานชิ้นนั้นที่มีรูปเรา และคนในวงการ หมอปลา คุณน้ำฟ้า ที่เอาไปรับบริจาค มีหมายเลขบัญชีนายคนนี้อยู่ด้วย เลยจัดการซะหน่อย เพราะตามหลัก รูปของเรา คุณไม่สามารถเอาไปทำการค้าหรือโฆษณาหรือรับบริจาคเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นดาราก็ไม่ได้ เห็นแล้วไม่ดีไม่งาม ทุกคนรวมทั้งเราไม่ได้อนุญาต เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรับบริจาค เขาบอกว่าบริจาคให้ทางวัด แต่เป็นบัญชีนายคนนั้น

ปรี๊ดสุดด่ากะเทยจิตป่วย เหยียดเพศสภาพ

“มาด่าดิฉันว่าอีกะเทยป่วยจิต มันก็เหยียดเพศสภาพ เขาพูดจริงค่ะ มีหลักฐานเป็นคลิปเสียงค่ะ ครั้งที่สามมีการล้อเลียนการเดินแบบ ซึ่งเราสอนให้เขาเดินเป็นผู้ชาย ไม่ได้สอนให้เขาเดินตูดเบี้ยว ล่าสุดบอกไลฟ์สดว่ามีบ้านหรือยัง มีที่พักหรือยัง คุณไม่ควรพูดแบบนี้ ฉันจะอยู่ตรงไหนก็เรื่องของฉัน เงินฉันก็มี มันเป็นความสุขส่วนตัว

Advertisements

ตอนนั้นมีปัญหาเพราะเลี้ยงแมวเยอะ เจ้าของห้องจะเอาบ้านคืน แต่ตอนนี้เคลียร์กันเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งมันไม่ควร ประมาณสี่ห้าเรื่อง มันสุมๆ กันมา ก็เลยรวบตึงทีเดียว เอาเรื่องที่เอารูปดิฉันไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เราปรึกษาทนายหลายคน เขาบอกว่าเราดำเนินการได้ตามกฎหมายเพราะละเมิดสิทธิ์ และเราไม่ได้อนุญาต บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมายนะ”

อยากเขกกะโหลกตัวเอง หลงไปได้ไง

“ยอดบริจาคของเขา 8.8 แสน เกือบล้านนะคะ ถ้าไม่ปิดก็เกินล้านแน่ค่ะ เขาบอกว่าจะเอาไปทำศาลาวัดที่กกกอก แต่เราไม่ไปยุ่งเกี่ยว เห็นเขาใส่ขาว ห่มขาว นั่งไหว้พระตลอดเวลา คิดว่าอีตานี่จิตใจดี ธรรมะธัมโม เราก็หลงเลย จิตใจดี พ่อพระ เข้าวัดเข้าวา ไหว้พระทุกวัน มโนหมด อยากเขกกะโหลกตัวเองในตอนนั้น คิดว่าการที่เขารับบริจาคเป็นการทำบุญที่แท้จริง แต่เพิ่งรู้ทีหลังว่าเงินไม่ได้ถึงวัดเลย พระออกมาแฉแล้วค่ะ ทุกวันนี้พระยังไม่ได้สักบาท”

ถามสุดซอย

ขณะที่ “ทนายโนบิตะ กฤษฎา โลหิตดี” ได้เผยสาเหตุเทลุงพลว่า เป็นเพราะลุงพลไม่ไว้ใจเหมือนเดิม เพิกเฉยต่อคำแนะนำ

“เหตุผลที่ยุติบทบาทเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำด้านกฎหมาย มีอยู่ 3 ข้อ หนึ่ง-ผมหมดกำลังใจ เนื่องจากบรรดาเอฟซีลุงพลเข้ามาด่าและใส่ความว่าผมเป็นนกสองหัว นิสัยไม่ดีเข้ามาสืบความลับลุงพลไปให้หมอปลา พี่อุ๊บ จนเกิดความท้อใจและเสียใจ เหตุผลหลักๆ ทำให้ตัดสินใจยุติบทบาทของผม คือ ถ้าย้อนกับไปวันที่ 9 ผมได้เดินทางไปบ้านกกกอก พาน้องโอ๊ต น้องมน ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติม วันดังกล่าวมีการพูดคุยกับลุงพบว่าเข้าเครื่องจับเท็จมาเป็นยังไงบ้าง

จนลุงพลเปิดใจว่ากรณีลุงพลเกิดความไม่ไว้ใจตัวหมอปลา น้ำฟ้า และทีมงาน เนื่องจากลุงพลเจอเครื่องดักฟังที่เกิดขึ้นบนรถ ทำให้เสียใจและไม่ไว้ใจ มีการสั่งให้เอากล้องวงจรปิดบนรถและถอดกล้องวงจรปิดที่บ้านออก ทีนี้ผมให้คำแนะนำไปว่าเรื่องนี้ยังไม่มีการตรวจสอบ เอาซิมการ์ดไปตรวจสอบได้ เพื่อให้ความเป็นธรรม หมอปลา พี่น้ำฟ้า และป๊อบปี้ ที่เอากล้องไปติด ผมก็บอกว่าทุกอย่างตรวจสอบก่อน เอางี้มั้ยเพื่อความสบายใจ ให้ไปคุยกันที่เพชรบุรีเป็นการส่วนตัว มีลุงพล ป้าแต๋น หมอปลา พี่น้ำฟ้า คุยกันเป็นการส่วนตัว อะไรติดอยู่ในใจจะได้เคลียร์ สามัคคีกัน

ซึ่งปรากฏว่าลุงพลไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ลุงพลเพิกเฉย และวันที่ 11 ช่วงเช้า ลุงพลดันไปให้สัมภาษณ์สื่อและผ่านช่องยูทูปเบอร์หลายช่องว่าพบเครื่องดักฟังบนรถ ซึ่งมันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว เมื่อคำแนะนำที่ปรึกษากฎหมาย ลุงพลเพิกเฉย ผมก็เลยไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ ผมจังตัดสินใจยุติหน้าที่ตรงนั้น”

ตอนนี้เครื่องดักฟังอยู่ระหว่างตรวจสอบ พอทราบเรื่องก็ถามหมอปลาว่าเป็นของหมอปลาจริงมั้ย หมอปลาปฏิเสธว่าไม่ใช่ แล้วก็ถามคุณป๊อปปี้ว่าได้ติดตั้งหรือไม่ ซึ่งป๊อบปี้ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนติดตั้ง พี่น้ำฟ้าก็ยืนยันว่าทำไปทำไมมีเหตุผลอะไรต้องทำ ผมก็เลยติดต่อไปหาป้าแต๋น เพื่อประสานอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น

ปรากฏว่าโทร.ไปช่วงเที่ยง ป้าแต๋นไม่ได้รับสาย ผมจึงไลน์ไปบอกว่าคุยกับทุกคนแล้ว ทุกคนบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ ก็ให้ป้าแต๋นไปแจ้งความ หรือพูดคุยกับหมอปลา แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อจากลุงพล หรือป้าแต๋นใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อผมติดต่อไปแล้ว ไม่ยอมติดต่อกลับมา ผมถือว่าผมหมดหน้าที่แล้ว การประสานของผมไม่เป็นผล ผมก็ขอถอนตัว และประกาศตามหาเจ้าของจีพีเอสตัวจริงมาให้ได้ว่าเป็นใคร”

มั่นใจไม่ใช่เครื่องดักฟัง

“ผมว่าไม่ใช่เครื่องดักฟังนะ เป็นการเอามาดูเป็นรูปภาพที่เปิดจากกูเกิล เป็นจีพีเอสถ้าตามความเห็นผม ซึ่งดูแล้วเป็นการใช้ติดตามการเคลื่อนไหวสามี กรณีจะฟ้องหย่า ผมบอกอย่างนี้ ลุงยังหัวเราะอยู่เลย

ก่อนยุติบทบาทเราไม่ได้พูดคุยกันก่อน แต่เราเสียใจ เนื่องจากเอฟซีมาโดนรุมด่า พอช่วยก็ด่า พอถอนตัวก็รุมด่า อีกอย่างลุงเริ่มไม่ไว้ใจแล้ว จุดแตกหักคือผมประสานให้พูดคุยกันแล้ว แจ้งข้อเท็จจริงกันแล้ว ลุงอ่านแต่ไม่ตอบ ไม่โทรกลับมา มันผิดวิสัยการเป็นทนายความและลูกความกัน ซึ่งผมว่าไม่ใช่เครื่องดักฟัง เป็นจีพีเอสครับ”

แจงสาเหตุลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จ

“เป็นการเข้าเครื่องจับเท็จทุกๆ คนที่พนักงานสอบสวนคิดว่าจะมีความเกี่ยวข้องในคดี มีการให้การในฐานะพยานจำนวนมาก คำให้การมีความขัดแย้งกันหลายประเด็น ผมคิดว่าพนักงานสอบสวนเลยเอาเครื่องจับเท็จมาช่วยวิเคราะห์ในเรื่องความน่าเชื่อถือ

จำกันได้มั้ย ผบ.ตร.แถลงว่ามีการทำลายความน่าเชื่อถือของพยาน มีการให้การในวันนี้ๆ แล้วมีการปล่อยข่าวทำลายความน่าเชื่อถือ เหมือนพยานพูดกลับไปกลับมา ทำให้พยานกลุ่มนั้นขาดความน่าเชื่อถือไประดับนึง การดึงน้ำหนักพยานกลับมาได้ ต้องอาศัยเครื่องจับเท็จ และคำถามที่จะนำมาซึ่งน้ำหนักในการออกหมายจับหรือลงโทษจำเลยได้ จึงเอาความเห็นผู้เชี่ยวชาญมาประกอบ โดยลำพังเครื่องจับเท็จไม่สามารถนำมาลงโทษจำเลยได้ แต่เอามาประกอบกับพยานหลักฐานอื่นเพื่อให้ลงโทษจำเลยได้”

ยังมั่นใจว่าลุงพลบริสุทธิ์

“ผมยืนยันมาตลอดว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ จากสัญชาตญาณการลงพื้นที่ และหมอปลา แม้วันนี้เราไม่ได้อยู่เคียงข้างลุงพล แต่ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ลุงพล ไม่ว่าหวยจะออกลุงพลหรือเปล่า แต่เชื่อว่าลุงพลจะต่อสู้และเอาความบริสุทธิ์กลับมาได้ อย่าลืมว่าหมายจับเป็นแค่จุดเริ่มต้นต่อสู้คดี ถ้าหมายจับออกลุงพล นั่นไม่ได้หมายความว่าลุงพลเป็นผู้กระทำความผิดนะ ตราบใดที่ศาลไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ลุงพลก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นต้องมีการต่อสู้ในกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลต่อไป”

ถามสุดซอย

 

ที่มา: MGR ONLINE

 


#อุ๊บวิริยะ #อุ๊บวิริยะวันนี้ #อุ๊บวิริยะล่าสุด

 

ภาพ: YouTube รวมหัว ทีวี

ไทยเกอร์นิวส์

นำเสนออัปเดตข่าวสารบ้านเมือง ข่าวล่าสุด มั่นใจว่าคุณจะทันทุกสถานการณ์ ไม่ว่า สังคมเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง เรื่องร้อนออนไลน์ ดราม่าดารา อัปเดตบันเทิง ซีรีส์ หนัง เพลง ท่องเที่ยว กีฬา ตรวจหวย เลขเด็ด พร้อมเสิรฟ์ทุกเรื่องยาก ๆ ย่อยให้คุณเข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button