ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำพิพากษา จำคุก “ทักษิณ” 5 ปี คดีหุ้นชินคอร์ป
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก ทักษิณ ชินวัตร 5 ปี คดีหุ้นชินคอร์ป
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระหว่าง อัยการสูงสุด (โจทก์) และนาย ทักษิณ ชินวัตร (จำเลย) เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม
ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีกระทําการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน 1,419,490,150 หุ้น หรือประมาณ 48.75% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2563 ว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
โดยองค์คณะพิพากษามีมติว่า จําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 (เดิม) การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ดังนั้น องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐจําคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สําหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นจําคุก 3 ปี รวมเป็นจําคุก 5 ปี ให้นับโทษจําคุกจําเลยต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองข้อหาและคําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก