ททท. เลื่อน ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ไม่มีกำหนด หลังโรงแรม ร้านค้าทุจริตเพียบ
ททท. เลื่อน เราเที่ยวด้วยกัน แบบไม่มีกำหนด หลังพบผู้ประกอบการทุจริตร่วม 500 แห่ง ซึ่งขณะนี้หน่วยงานก็เร่งหารือตามกฎหมายเพื่อเอาผิดทุกภาคส่วน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า ขณะนี้ เราเที่ยวด้วยกัน มีผู้ใช้สิทธิจองห้องพักครบ 5 ล้านห้องแล้ว แต่หลังจากตรวจสอบพบการกระทำเข้าข่ายทุจริตกว่า 500 แห่ง
“มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังคงไม่สามารถประเมินได้ เพราะยังต้องตรวจสอบจำนวนห้องพักที่มีความผิดปกติต่อไป จึงมองว่าอาจยังไม่สามารถเรียกว่า เป็นความเสียหายได้ในทันที เพราะต้องประเมินว่า มีจำนวนห้องพักในโรงแรมที่เข้าข่ายต้องสงสัยถูกจองทั้งหมดกี่ห้อง และอยู่ในกรณีใดบ้าง โดยขณะนี้มีชื่อโรงแรมที่เข้าข่ายต้องสงสัยแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดเล็ก จึงต้องดำเนินการตรวจสอบจำนวนห้องพักที่ถูกใช้จริงทั้งหมดต่อไป” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
ซึ่งรูปแบบการทุจริต แบ่งออกได้ดังนี้:
- เช็คอินเข้าพักในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้เข้าพักจริง
- โรงแรมขึ้นราคาห้องพัก โดยร่วมมือกับร้านค้าที่รับชำระคูปอง
- มีการจองห้องพัก แต่ไม่ได้ชำระเงินและเช็คอิน
- ใช้คูปองเพื่อรับส่วนต่าง กรณีร้านค้าขึ้นราคาอาหาร
- โรงแรมและผู้เข้าพัก ร่วมมือกันรับเงินส่วนต่าง จาากการเข้าพักในรูปแบบกรุ๊ปเหมา
- โรงแรมเปิดขายห้องพักเกินจำนวนที่มีอยู่จริง
“ขณะนี้มีโรงแรมเข้าร่วมโครงการกว่า 8,000 ราย มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายต้องสงสัย 312 ราย ร้านอาหาร 65,000 ราย ต้องสงสัยเพียง 200 รายเท่านั้น จึงสะท้อนว่าโครงการดังกล่าวพยายามป้องกันให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ทำให้ในภาพรวมยังสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ ใช้การท่องเที่ยวเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังกับผู้ที่จะเข้ามาฉวยโอกาสในการหาประโยชน์ด้วย โดยยืนยันว่าคณะทำงานมีแนวทางในการเข้าไปตรวจสอบ และจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพรวมของโครงการต่อไป ซึ่งคาดว่าภายใน 1 เดือน จะสามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่น่าสงสัย ว่าทำผิดจริงหรือไม่ได้ครบถ้วน” นายยุทธศักดิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ททท. กำลังอยู่ในขั้นตอนหารือทางกฎหมาย ทั้งการฟ้องแพ่งเพื่อยึดเงินคืน หรือการเอาผิดทางอาญาคดีฉ้อโกง นอกจากนี้จะตัดสิทธิ์การเข้าร่วมทุกโครงการของภาครัฐด้วย
ในขณะที่ การเอาผิดผู้ใช้สิทธิ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี เพราะมีทั้งผู้สมรู้ร่วมคิด และผู้ประกอบการหลอกลวง
ที่มา: Khaosod