ภาคีนักกฏหมาย เตรียมแจ้งความ เหตุละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในการ ชุมนุม 17 พ.ย.
กลุ่ม ภาคีนักกฏหมาย ได้ออกมาแถลงว่า การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการ ชุมนุม 17 พ.ย. นำไปสู่เหตุความรุนแรงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 40 ราย
ภาคีนักกฎหมาย สิทธิมนุษยชน แถลงการณ์เรื่อง “การจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และ/หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า จากเหตุสลายการ ชุมนุม ของคณะราษฎรและการปะทะกันระหว่างผู้ ชุมนุม กับมวลชนอีกฝ่ายเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 ศูนย์เอราวัณรายงานยอดผู้บาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาลหลายสิบราย โดยในแถลงการระบุว่า
“ในการชุมนุมหลายครั้งก่อนเหตุการณ์วันที่ 17 พ.ย. 2563 มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิสูจน์ทราบได้ว่าจะเกิดการทำร้ายร่างกายระหว่างที่มีการเผชิญหน้าของมวลชนทั้งสองกลุ่ม ผบ.ตร. หรือ ผบ.ชน. สามารถออกคำสั่งให้มีการดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ณ จุดที่มีมวลชนทั้งสองฝ่ายปักหลักอยู่
ดังจะเห็นได้จากภาพข่าวที่สื่อมวลชนรายงาน ปรากฏชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวกั้นอยู่ระหว่างผู้ ชุมนุม ทั้งสองกลุ่มอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมากลับมีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจุดดังกล่าว จนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ ชุมนุม ทั้งสองฝ่ายในเวลาประมาณ 17.00 น.
แต่ท่านก็ยังเพิกเฉย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไม่เข้าระงับเหตุ จนกระทั่งมีการปะทะกันอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.เศษ ทำให้ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรได้รับบาดเจ็บ และเป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากกระสุนปืนถึง 5 ราย
ข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และ/หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งท่านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ จะมีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายในการป้องกันเหตุอันตรายโดยการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม”
สรุปเหตุการณ์ม็อบ17พฤศจิกายน ชุมนุมหน้ารัฐสภา มีผู้ถูกยิงบาดเจ็บ
ตำรวจเผย ไม่ได้ใช้ กระสุนจริง หรือ กระสุนยาง ในการชุมนุม 17 พ.ย.