ข่าวภูมิภาค

จาตุรนต์ ขอลุงตู่เลิกคิดถึงความมั่นคงของตัวเอง แนะหยุดใช้พรก.ฉุกเฉิน

จาตุรนต์ ขอลุงตู่เลิกคิดถึงความมั่นคงของตัวเอง แนะหยุดใช้พรก.ฉุกเฉิน

วันที่ 13 พ.ค. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก แสดงความเห็น ขอให้ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดใช้พรก. ฉุกเฉิน เนื่องจากส่งผลเสียให้กับประชาชน หลังจากที่มีข่าวว่าจะขยายเวลาเพิ่มออกไปอีก โดยมีความว่า

“พลเอกประยุทธ์เลิกคิดถึงแต่ความมั่นคงของตัวเอง หยุดใช้พรก.ฉุกเฉินได้แล้ว

Advertisements

มีข่าวว่านายกฯ จะให้กอ.รมน.ทำโพลล์ถามประชาชน ว่าจะให้ขยายเวลาการใช้พรก.ฉุกเฉินออกไปอีกหรือไม่ พอมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก ๆ เข้า นายกฯ ทำเหมือนจะถอยในเรื่องมอบหมาย กอ.รมน. แต่ก็ปรากฏว่าผู้ที่กำลังพิจารณาเรื่องการขยายเวลา กลายเป็นสำนักงานเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้เชี่ยวชาญ หรือรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องสาธารณสุข หรือเศรษฐกิจแต่อย่างใดเลย

เรียกว่าเลอะเทอะไปกันใหญ่

ล่าสุดพลเอกประยุทธ์ก็แบบไต๋ออกมาหมดเปลือก อ้างโพลล์อะไรก็ไม่รู้ ว่าคนส่วนใหญ่อยากให้ต่ออายุการใช้พรก.ฉุกเฉิน แถมบอกว่าแม้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ก็วางใจไม่ได้

หมายความว่าถ้ายังมีโควิด19 อยู่ในโลกนี้ ประเทศไทยก็จะต้องใช้พรก.ฉุกเฉินเรื่อยไป

เมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่าพลเอกประยุทธ์กำลังเสพติดอำนาจที่เกิดจากการใช้พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งคล้ายกับอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่คุ้นชินมาหลายปี และพยายามจะขยายเวลาการใช้พรก.ฉุกเฉินนี้ไปเรื่อย ๆ ผมจึงขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลเสียและผลเสีย (ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ) ของการใช้พรก.ฉุกเฉินอีกสักรอบ

Advertisements

1.การออกคำสั่งต่าง ๆ เช่น การปิดสนามมวย ปิดผับ บาร์ การปิดสถานที่ ปิดกิจการ หรือห้ามทำกิจกรรม การห้ามเดินทางเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รวมทั้งการห้ามชาวต่างชาติเดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้ามายังประเทศไทย สามารถทำได้โดยอาศัยพรบ.โรคติดต่อ โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจตามพรก. หากยกเลิกการใช้พรก.ฉุกเฉินแล้ว ยังต้องการคงมาตรการใดไว้ ก็สามารถทำได้

2.มาตรการเพียงอย่างเดียวที่อาจต้องใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉินคือ การประกาศเคอร์ฟิว แต่ประโยชน์ของการประกาศเคอร์ฟิว ที่แถลงอยู่ทุกวันคือ การจับกุมดำเนินคดีผู้ที่มั่วสุมจัดงานปาร์ตี้ยาเสพติด และผู้เล่นการพนัน ซึ่งความจริงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ที่ตำรวจจะต้องจับกุมดำเนินคดีอยู่แล้ว

3.การประกาศเคอร์ฟิวเป็นประโยชน์น้อยกว่าเป็นโทษ เพราะเป็นการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการแพร่ระบาดน้อย เช่น การตั้งด่าน การบังคับใช้ประกาศเคอร์ฟิว ทำเหมือนบ้านเมืองกำลังมีความไม่สงบจากการจลาจล มากกว่ากำลังเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาด ทำให้มีการจับกุมดำเนินคดี จนถึงขั้นจำคุกผู้ที่ไปทำงานเกินเวลาบ้าง กลับบ้านไม่ทันเวลาบ้าง แทนที่จะไปห้ามปรามผู้ที่จับกลุ่มมั่วสุม ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน การบังคับใช้กฎหมาย โดยขาดความเข้าใจวัตถุประสงค์ ทำให้มีผลกระทบต่อการทำมาหากินของประชาชนจำนวนไม่น้อย

4.การใช้พรก.ฉุกเฉินในการแก้ปัญหาโรคระบาด ทำให้เกิดการจัดโครงสร้างองค์กรที่ผิดเพี้ยน เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้เกิดการใช้หน่วยงานแบบผิดฝาผิดตัวอย่างมาก เช่น ให้สมช.มาเป็นเลขาฯ และล่าสุดกำลังเป็นผู้พิจารณา ว่าจะใช้พรก.ฉุกเฉินต่อไปหรือไม่ การใช้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาดูแลด้านความสงบเรียบร้อย และเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการห้ามประชาชนเดินทาง ขณะที่โจรผู้ร้ายชุกชุมมากขึ้น กลับใช้ตำรวจไปตรวจร้านอาหาร หรือสถานประกอบการ ว่าปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขหรือไม่ แทนที่จะใช้เจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุข เป็นต้น

5.การใช้พรก.ฉุกเฉินมากระชับอำนาจของนายกฯ ดึงเอาอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ไปอยู่ที่นายกฯ หมด ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงหลัก ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ การจัดองค์กรที่ผิดนี้ ทำให้รัฐบาลและระบบราชการทั้งระบบไม่ได้ทำงานอย่างมีบูรณาการ ทั้งในการแก้ปัญหาโควิด19 ที่มีหลายมิติ และการแก้ปัญหาของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน

6.การใช้พรก.ฉุกเฉิน ทำให้การทำงานแบบรวมศูนย์อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ทำลายแนวความคิดที่จะส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจการตัดสินใจ ไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ มีแต่จะแข่งขันกันใช้มาตรการให้เข้มกว่าคำสั่งกลาง ทั้ง ๆ ที่หลายจังหวัดไม่เคยมีผู้ติดเชื้อ หรือไม่มีมานานแล้ว

7.การออกคำสั่งโดยใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉิน จากส่วนกลางก็ดี จากแต่ละจังหวัดก็ดี มีแนวโน้มที่จะไม่สนใจรับฟังความเห็นของประชาชน การบังคับใช้กฎหมายรุนแรงเกินกว่าเหตุ และเกิดการลุแก่อำนาจได้ง่าย เนื่องจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่เห็นว่า ประชาชนฟ้องร้องต่อศาลไม่ได้ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเกินกว่าที่จำเป็น

8.การใช้พรก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ในการเสนอความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาล ทั้งโดยสื่อมวลชนและประชาชน สื่อมวลชนจำนวนไม่น้อย อยู่ในสภาพจำยอม ต้องเซ็นเซอร์ตัวเอง สังคมโซเชียลมีเดียถูกคุกคาม การจัดประชุมหารือเพื่อรวบรวมปัญหาความเดือดร้อน หรือข้อเสนอต่อรัฐบาลไม่สามารถทำได้ แม้แต่คณะกรรมาธิการของสภาไม่ประชุม ก็อ้างพรก.ฉุกเฉิน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่สามารถจัดประชุมรับฟังความเห็นประชาชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางทางความมั่นคงของรัฐบาล มากกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการรับมือกับโควิด19

โดยรวมแล้ว การใช้พรก.ฉุกเฉิน มีผลเสียมากกว่าผลดี ยิ่งต่อไปจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วยแล้ว การต่ออายุการใช้พรก.ฉุกเฉินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่พลเอกประยุทธ์คิดจะทำอยู่ จะมีผลเสียต่อประเทศชาติอย่างมาก

ที่เสนอความเห็นมานี้ ไม่ได้หวังว่าจะมีผลต่อโพลล์ที่กอ.รมน. หรือสมช.จะทำหรอกครับ โพลล์แบบนั้น ถ้าทำจริง เขาก็คงกำหนดผลล่วงหน้าได้อยู่แล้ว

ถ้าจะหวังประโยชน์จากการเสนอความเห็นนี้อยู่บ้างก็คือ จะได้มีคนช่วยกันบอกพลเอกประยุทธ์ ว่าปัญหาของบ้านเมืองยังมีอีกมาก เลิกคิดถึงแต่การรักษาสถานะและความมั่นคงของตัวเองได้แล้ว”

https://web.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/10158439057512359?__tn__=K-R

P. Wanutch

อัพเดททุกความบันเทิง ทั้งไทย ต่างประเทศ K-pop รีวิวหนัง เพลง คอนเสิร์ต พร้อมนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจและหลากหลาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button