พีท ทองเจือ-ภรรยา เปิดใจน้องเซย่าเป็นไทรอยด์ ตั้งแต่อายุ 15
พีท ทองเจือ-ภรรยา เปิดใจน้องเซย่าเป็นไทรอยด์ ตั้งแต่อายุ 15
หลังจากที่ เจ็ง วิไลลักษณ์ ภรรยาของ พีท ทองเจือ ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องที่ลูกมีปัญหาแต่ช่วยลูกไม่ได้ จนเจ้าตัวเครียดจนจิตตกไปหมดแล้ว ซึ่งหลายคนต่างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ล่าสุดทั้งคู่ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวผ่านทางรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31 ว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้ครอบครัวพี่พีท พี่เจ็ง มีผลกระทบจากโควิด-19 ยังไงบ้าง?
พีท: จากที่ผมต้องตื่นตี 5 ไปส่งน้อง กลายเป็นว่าได้ตื่นสายขึ้น น้องเรียนออนไลน์ คุณแม่กับพี่สาวน้องเซย่า จากทำขนมเล่นๆ ก็กลายเป็นทำขนมจริงจัง มีลูกค้า ส่งขนมตลอดเวลา
ในครอบครัวกลัวไหมโรคโควิด อย่างกลัวติดเชื้อ?
พีท: แรก ๆ ก็กลัวนะครับ แต่ถ้าเราอยู่บ้านปลอดภัยแน่นอน
เรื่องการโพสต์ดราม่าเกี่ยวกับน้อง ตอนนี้เซย่าเป็นยังไงบ้าง?
พีท: เอาเฉพาะอาการน้องก่อน น้องกำลังเตรียมตัวแล้วก็ฝึก มีความตั้งใจในการเป็นศิลปิน แต่ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือร่างกายของน้อง ตอนนี้น้องไม่สบาย แต่ไม่ใช่คนป่วย หมายถึงว่าอวัยวะในร่างกายมันชำรุด
เจ็ง: น้องเป็นไทรอยด์
พีท: ร่างกายมีอะไรหลายๆ อย่างที่ผิดปกติ หลังจากการตรวจพบว่าประจำเดือนไม่มา
เจ็ง: ค่าตับ ค่าไต ไม่ค่อยดี แล้วก็ผมร่วง อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักขึ้น คือเด็กอายุ 15 ไม่ควรต้องเจออะไรแบบนี้
มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ?
พีท: จริงๆ เราเลี้ยงลูกโอเค แล้วก็เป็นเด็กเฮลตี้ด้วย แต่ที่คุณหมอประเมินอาจจะใช้พลังงานมากกว่าอาหารที่ทานเข้าไป
เจ็ง: ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไม่ถูกวิธี ซึ่งอาจจะทานน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการสักพักหนึ่ง
ย้อนกลับไปตอนที่โพสต์ข้อความ ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ?
พีท: ผมเป็นผู้ชาย เราจะเจอแล้วแก้ปัญหา แต่ผู้หญิงมีสมองซีกซ้ายที่ใช้ไม่เหมือนผู้ชาย เขาก็มีความละเอียดอ่อน แล้วอึดอัดที่ลูกเป็นแบบนี้แล้วทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งมอง แล้วก็รักษาตัว ซึ่งด้วยอายุลูกไม่น่ามาเจอเรื่องแบบนี้ได้ คุณแม่เขาก็พยายามอดทนที่สุด แต่ได้ในระดับหนึ่ง ประจวบกับที่เราอยู่กับน้องตลอด มันมีสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันเกี่ยวกับความเครียด ใช้คำว่าสถานการณ์ไม่ดีมากๆ เขาไม่เข้มแข็งเหมือนเรา
เจ็ง: มันอาจจะเป็นช่วงจิตตก เราเจออะไรมาหลายอย่างในสิ่งที่ลูกเป็น คือในแต่ละวัน แค่เห็นลูกไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เห็นลูกตัวบวมขึ้นทุกวัน แล้วก็เห็นเขามีภาวะทางอารมณ์ ทางจิตใจ เจ็งทนไม่ได้ คือเจ็งเลี้ยงลูกมาอย่างดี
พีท: คือคุณแม่เขาไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้มีการพูดกันว่าเราจะเขียนข้อความในลักษณะนี้ แต่ด้วยอารมณ์ของคุณแม่
เจ็ง: เจ็งอาจจะอ่อนแอเกินไป แต่สิ่งที่ครอบครัวเราเจอ บางคนอาจจะเห็นว่าเรื่องเล็กนิดเดียวเอง ลูกป่วยก็รักษาสิ แต่ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องอาการป่วย มันเรื่องสภาพจิตใจลูก วันที่โพสต์ไปเจ็งยอมรับอาจจะอ่อนแอเกินไป
วันนี้ความกังวลพี่เจ็งแค่ไหน?
เจ็ง: ถ้าพูดจริงๆ มันมาก ทุกวันนี้ก็พยายามทำให้ตัวเองอารมณ์ดีเพื่อให้ลูกไม่เครียด ยอมรับว่าบางทีมันก็ยาก ทุกวันนี้เห็นลูกเป็นแบบนี้เราก็จิตตกนะ เราเครียด แต่หลังจากวันนั้นพยายามโพสต์ไอจีให้ทุกคนเห็นว่าเราโอเค ไม่ได้มีอะไร พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่ว่าช่วงหลังนี้เจ็งยอมรับว่าสภาพจิตใจก็แย่เหมือนกัน ครอบครัวเราก็ไม่ได้โอเคเท่าไหร่ คือตัวเจ็งเองก็เครียดจนกลัวว่าตัวเองจะป่วยไปด้วยอีกคน
ย้อนกลับไปที่น้องป่วย รู้ได้ยังไง รู้จากใคร ?
พีท: เริ่มแรกน้องประจำเดือนไม่มา ประมาณ 9 เดือน แรกๆ เราก็คิดว่าเป็นภาวะของฮอร์โมนปกติ ที่อาจจะไม่เข้าที่บ้าง เป็นความผิดของเราที่เราปล่อยนิ่งดูดาย
เจ็ง: อันนี้ก็โทษตัวเองเหมือนกันว่าไม่ควรมองอะไรในแง่ดีมากเกินไป ลูกประจำเดือนไม่มาควรเอะใจ แล้วปลอบลูกว่าไม่เป็นไร อาจจะนอนไม่พอ
ใครที่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ UFO จะรู้ว่าพี่พีทรู้เรื่องนี้ แล้วอเมริกาก็เพิ่งมาบอกว่าตอนนี้ UFO มีจริง?
พีท: ในการศึกษาเรื่องนี้ตลอดเวลาที่ผมทำมามันเหมือนตัวต่อ เวลาศึกษาเจอแต่ละข้อมูล เราก็จะหยิบแต่ละอันมาวางในกระดาน เวลาข้อมูลมาต่อกันเราจะเห็นภาพใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเรารู้ข้อมูลค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ได้ทั้งหมด จนกระทั่งเราประกอบเป็นเรื่องเป็นราว ผมศึกษามานานมากแล้วจริงจัง ทำให้เราเห็นประเด็นหลายๆ อย่าง หลายๆ คนที่อยู่ในวงการสนใจเรื่องนี้ แต่ไม่แสดงตัว เพราะอาจจะนำมาซึ่งความเข้าใจผิด แต่เราไม่แคร์เท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วก็ไม่ผิด ซึ่งระหว่างการเดินทางมาไม่ง่าย เพราะเราก็เจอความคิดเห็นต่างๆ นานาที่มันไม่ตรงกับสิ่งที่เรากำลังมองอยู่ ก็ไม่เป็นไร เราก็เดินทะลุมาจนถึงวันนี้ อยู่ๆ ทางกลาโหมของอเมริกา ออกมาแถลงข่าวว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกมันมีจริง
น้องมีย่าเป็นอีกคนที่เจอ UFO?
พีท: เจอทั้งครอบครัว
เจ็ง: วันที่เห็นครั้งแรกที่เขาใหญ่ นานมากแล้วที่มันมีฝนดาวตก เราก็ไปรอดูฝนดาวตกเราก็เห็น วันนั้นเราเห็น 1-2 ลำ อันนี้คิดเอาเองนะว่าเขาอาจจะมารอเหมือนเรา ก็ตื่นเต้น ไม่ได้กลัว
พีท: วันนั้นเขามาลอยนานมาก แล้วเราก็นั่งเล่นอยู่ในสนามกอล์ฟตอนกลางคืน แล้วมันลอยแบบหมุน แล้วมีประกายแสง มันนานจนผมขับรถกลับไปที่บ้านพาญาติมาดูหมดเลย เกือบ 20 คน ทุกคนเห็นหมด พวกผู้ใหญ่มองแล้วไม่พูดอะไรเลย เราอยากให้เขาเห็นด้วย จากนั้นก็พาเขาไปส่ง กลับมาก็ยังอยู่
ภาพจาก: FB คุยแซ่บShow