ข่าวภูมิภาค
หนุ่มวิ่งสู้โรค SLE จนสุดท้ายต้องเปลี่ยนสะโพก
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 ทางเพจ Drama-addict ได้โพสต์อุทาหรณ์ หนุ่มวิ่งสู้โรคแพ้ภูมิตัวเอง จนลุกลามกลายเป็นภาวะหัวกระดูกข้อสะโพกตายจากการขาดเลือด โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า
ผมเป็น SLE ครับ (โรคแพ้ภูมิตัวเอง)
อยากจะเตือนเกี่ยวกับ เทรนการวิ่งสู้โรคนะครับว่ามันไม่เหมาะกับทุกโรคเสมอไปเรื่องของเรื่องคือ ผมเป็น sle แล้วเคยแบบนี้เหมือนกัน ออกมาวิ่งทุกวัน เดิมก่อนจะเป็น sle ผมก้วิ่งทุกวันอยู่แล้ว เพราะผมรับราชการทหารมันทำให้อะไรดีขึ้นจริง โรคฟื้นตัวเร็วรุ้สึกดีมากๆแต่ไม่นานไม่ถึงปี ผมปวดสะโพกมาก สรุปเป็น AVN
(Avascular necrosis ภาวะหัวกระดูกข้อสะโพกตายจากการขาดเลือด สนใจอ่านเพิ่มเติมที่ https://www.bumrungrad.com/…/avascular-necrosis-femoral-head)
หัวกระดูกสะโพกตาย จากการที่ รับประทานยากลุ่ม สเตียร์รอยด์ในการรักษาโรค SLE สุดท้ายต้องผ่าเปลี่ยนข้อสะโพกทั้งสองข้าง และไม่สามารถวิ่งได้อีกตลอดชีวิต
อันนี้คือประสบการณ์ตรงของผมครับ ปัจจุบันโรคสงบแล้ว และก็ออกกำลังกายทุกวันเหมือนกันครับ
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่การวิ่งไม่ได้เหมาะสมกับทุกโรคเสมอไปการวิ่งสู้โรคมันกลายเป็นเทรน ใครป่วยอะไรแล้วออกมาวิ่งแบบนี้
อย่าลืมว่าคนป่วย คือคนที่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ปกติเหมือนคนธรรมดาแล้ว การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ แต่จะออกกำลังกายอะไร จะทานอะไรต้องศึกษาให้ดีว่าเหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่ ว่าจะได้รับผลกระทบตามมาหรือไม่
เช่น SLE เป็นโรคข้อ และ ออนสเตียรอยด์ เสี่ยงต่อการเป็น AVN ไม่ควรวิ่ง ควรเดินในเครื่องปั่นกึ่งวงรีที่ไม่มีแรงกระแทก เป็นต้น (epileptical)
กว่าหมอจะบอกผมว่าไม่ควรทำ ก็สายไปแล้ว สุดท้ายไม่ได้จบแค่ SLE ต้องผ่าตัดสะโพกอีกสองข้าง ต้องวิ่งไม่ได้อีกตลอดชีวิต
ผมเกือบทำร้ายตัวเองหลายครั้ง โชคดีที่ผมผ่านมันมาได้
อยากให้จแชร์เรื่องนี้ครับ ผมไม่อยากให้ขาซ้ำรอยแบบผม
และคนอื่นๆ ที่เป็นโรคอื่นๆเช่นกัน
นี่ไม่ใช่แนะนำว่าป่วยแล้วไม่ให้ออกกำลังกายการออกกำลังการเป็นสิ่งที่ดี ดีมากๆผมก็ออกกำลังกายอยู่ทุกวันนี้การออกกำลังกายมันมีหลายวิธี ว่าสิ่งที่เราทำมันเหมาะสมกับโรคที่เราเป็นอยู่หรือไม่
อยากให้เรื่องของผมเป็นกรณีตัวอย่างครับ
จากกรณีดังกล่าว ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากได้เข้ามาเขียนคอมเม้นต์ให้กำลังใจ และเพื่อเป็นกรณีศึกษา โลกโซเชียลได้ทำการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก
Advertisements
ภาพประกอบจาก: facebook.com