ผบ.ตร. กำชับตำรวจทุกนายพร้อมดูแลทุกข์สุขประชาชนช่วงหยุดยาวปีใหม่
ผบ.ตร. กำชับตำรวจทุกนายพร้อมดูแลทุกข์สุขประชาชนช่วงหยุดยาวปีใหม่
สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และต้องการให้ประชาชนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัยในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2562 ได้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่พร้อมครอบครัวอย่างมีความสุข ปลอดภัย
พร้อมกันนี้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามลา ข้ามขาด ให้อยู่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบ ผู้บังคับบัญชาลงไปกำกับพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการทำงานดูแลประชาชน พร้อมคาดโทษหากนายใดไม่ปฎิบัติตาม
อีกทั้ง ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงไปกำกับดูแลการปฎิบัติของตำรวจทั่วประเทศ เตรียมพร้อมในการอำนวยความสะดวกการจราจร ลดอุบัติเหตุและนำจิตอาสาร่วมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัดให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และมุ่งเน้นการลดการเกิดอุบัติเหตุการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2563
การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสาร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมถึงการจัดการจราจรติดขัดบริเวณทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนเส้นทางหลัก
มีศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หมายเลขสายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลด line application @highway1193 ไว้สำหรับสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ รับข้อมูลประชาสัมพันธ์เส้นทาง พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถและถนนสำหรับประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนี้
1.ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ได้มีการออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินในถนนบางสาย (ระหว่าง 27 ธ.ค.62 – 3 ม.ค.63) เส้นทางห้ามวิ่ง 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 139 กม. ได้แก่ 1.มิตรภาพ:ทับกวาง– คลองไผ่ กม.15-93 ระยะทาง 78 กม. 2. กบินทร์บุรี-ปักธงชัย: กบินทร์ฯ-นาดีกม.165-195 ระยะทาง 30 กม. 3. อรัญประเทศ-นางรอง ทัพราช กม.71-80 ระยะทาง 9 กม. 4.พหลโยธิน: นครสวรรค์ กม.332-347 ระยะทาง 15 กม. 5.รังสิโยทัย (ทล.117) : นครสวรรค์ กม.0-7 รวมระยะทาง 7 กม.
ในกรณีรถบรรทุกบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องเดินรถในถนนดังกล่าวข้างต้น สามารถขออนุญาตหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดนั้นๆ (ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด)
2.ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่อง หรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย (ขาขึ้น 9 จุด ระหว่าง 21 -31 ธ.ค.62 และขาล่อง 16 จุด ระหว่าง (1 – 3 ม.ค.63) ใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว (Reversible Lane)
3.การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงของถนนสายต่างๆ ทั้ง 4 ภาค (ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออกและใต้) ตามภาพ Infographic ที่ได้แจกจ่ายแล้ว
อีกทั้งได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง โดย 10 ข้อหาหลัก
(10 รสขม) ได้แก่ 1ร – ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด , 2ส – ขับขี่รถย้อน- ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร, 3ข – ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย – ไม่มีใบขับขี่ – แซงในที่คับขัน , 4ม – ขับขี่รถในขณะเมาสุรา – ไม่สวมหมวกนิรภัย – ไม่ขับขี่รถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์)ดัดแปลง- ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้น และอาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
ทั้งนี้ ตร. ได้กำชับให้เข้มงวดในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย กรณีมีเหตุ อันควรสงสัยหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) และร่วมกับขนส่งทางทางบก ตรวจสอบความปลอดภัยรถตู้ และรถโดยสารสาธารณะ ที่สถานีขนส่งรถโดยสารทั่วประเทศและมีการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ จะต้องปราศจากแอลกอฮอล์และสารเสพติด ตรวจสอบชั่วโมงการขับรถจากสมุดประจำรถอย่างต่อเนื่อง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : policetv.tv