ข่าวภูมิภาค

แม่บ้านเผยเหตุการณ์นาที คฤหาสน์ ไฮโซบี ถูกยึด – พ่อเชื่อ แม่ตั้งใจให้ลูก

จากกรณีจากกรณีที่น.ส.พิมพ์นรี โหตะไวทยากร หรือไฮโซบี ออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ตนเองถูกบิ๊กทหารเข้ายึดคฤหาสน์หรู 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นมรดกตกทอดที่แม่ให้มา และมีการเอาชายฉกรรจ์เข้ามาในบ้านหลายคน โดยมีการขู่ยัดยา และตำรวจไม่รับแจ้งความ จนต่อมาพล.ร.อ. บรรณวิทย์ เก่งเรียน บิ๊กทหารที่ถูกกล่าวหา ออกมายืนยันสิทธิ์ในบ้านพร้อมฟ้องร้องไฮโซบีถึง 5 คดีนั้น

 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) น.ส.พิมพ์นรี เผยว่า ตอนที่แม่ซื้อที่ดิน นายพลไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมใด ๆ แต่หลังแม่ของตนเสียชีวิต นายพลก็ได้เข้ามาอ้างว่ามีกรรมสิทธิ์ในบ้าน โดยตั้งแต่ปี 2560 ก็ได้มีการฟ้องร้องกัน ซึ่งศาลได้ตัดสินให้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม หากตนไม่ยินยอมจะต้องจ่ายเงินจำนวน 40,000,000 บาท โดยคำตัดสินศาลได้ออกมาเมื่อวันที่ 2 ต.ค. และขณะนี้คดียังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์

 

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

 

กระทั่งเมื่อเกิดเหตุคือวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา กน้องนายพลได้เข้ามายึดบ้าน ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด โดยส่งคนมาไม่ต่ำกว่า 10 คน แม่บ้านแจ้งว่า มีการคนมาเฝ้าดูคนเข้าออก ถอดกล้องวงจรปิดของที่บ้านออก และนำกล้องวงจรปิดใหม่มาติดแทน ทั้งยังนำป้ายชื่อของนายพลมาติดไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เอารูปตัวเองไปแขวนในบ้าน ก่อนจะนำกล้องไปถ่ายรูปตามมุมบ้าน ลักษณะเหมือนจะเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง

 

ขณะที่ นิด (นามสมมติ) แม่บ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า วันดังกล่าวตนได้ยินเสียงกริ่งดัง เมื่อดูกล้องวงจรปิดพบว่า มีรถของนายพลจอดอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่จะมีชายฉกรรจ์ 10 กว่าคน เข้ามาในบ้านช่วงที่คนสวนเปิดประตูนำขยะไปทิ้ง ก่อนจะกล่าวกับแม่บ้าน คนสวนที่อยู่ในบ้านเพียง 4 คน ว่า หากกระด้างกระเดื่องจะแจ้งข้อกล่าวหา หลังจากนั้นก็เดินถ่ายรูปทั้งบ้าน พร้อมทั้งเข้ามาเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านออกด้วย นอกจากนี้ยังบีบให้แม่บ้านย้ายออกไป ซึ่งตนก็ขอเวลาเก็บของประมาณ 3 วัน

 

นอกจากนี้ น.ส.พิมพ์นรี บอกว่า บ้านหลังนี้เปรียบเสมือนอนุสรณ์แห่งความทรงจำที่ตนมีกับแม่ แต่กลับมาโดนกระทำอย่างนี้ ไม่เคยคิดว่าโดนไล่ออกจากบ้านของตัวเอง หลังจากนี้หากว่าจะถูกฟ้องร้องกลับ ตนก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะถูกรังแกมาโดยตลอด

 

ด้าน นายธนัช เกตุมงคล อายุ 65 ปี พ่อ น.ส.พิมพ์นรี เล่าว่า ตนได้หย่าร้างกับอดีตภรรยา เมื่อ 20 ปีก่อน กระทั่งอดีตภรรยาเริ่มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ เมื่อปี 2560 ตนจึงกลับมาดูแล และพบว่า นายพลเคยมาเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาลแค่ครั้งเดียว เรื่องนี้อยากให้สังคมเห็นใจลูกสาว ที่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ส่วนตนได้แต่หวังว่าลูกจะได้บ้านของตัวเองคืน เพราะบ้านหลังนี้เป็นของภรรยาที่ตกทอดมาให้ลูกสาวโดยตรง

 

 

ที่มา Kapook และ รายการทุบโต๊ะข่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button