สาววัยรุ่นโคม่า ป่วยโรคปอด เพราะบุหรี่ไฟฟ้า หลังสูบอย่างจัดนาน 3 ปี
เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า เด็กสาววัยเพียง 18 ปี จากรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ ชื่อ แมดดี้ นีลสัน ล้มป่วยหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะนิสัยการสูบบุหรี่จัด โดยบุหรี่ที่สูบเป็นบุหรี่ไฟฟ้า เธอสูบต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลานาน 3 ปีส่งผลให้ปอดเสียหายอย่างหนัก
แมดดี้เริ่มมีอาการไม่ดีตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา กระทั่งเดือนก.ค. เธอเริ่มเจ็บหลังและไตอย่างรุนแรง แลหายใจติดขัด ทางบ้านจึงส่งเธอไปโรงพยาบาลโดยด่วน
แอนเดรียพี่สาวของแมดดี้ เผยว่า แพทย์พยายามให้ออกซิเจนแก่แมดดี้ แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ จนชีวิตของแมดดี้เฉียดใกล้ความตาย ผลการเอกซเรย์เผยให้เห็นว่าปอดของเธอมีความเสียหายรุนแรงมาก กระทั่งในที่สุดแมดดี้ก็อยู่ในสภาพโคม่า
กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ผลการวินิจฉัยเผยว่า แมดดี้นั้นป่วยเป็นโรคปอดรุนแรง ชนิดที่ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมากมาสะสมที่ปอด ซึ่งแพทย์สงสัยว่าน่าจะเกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั่นเอง
แพทย์ได้ให้ยาสเตียรอยด์ ซึ่งอาการของแมดดี้ก็ดีขึ้นและฟื้นจากภาวะโคม่าใน 3 วันต่อมา จนเริ่มหายใจได้เอง แม้ว่าจะยังต้องได้รับการให้ออกซิเจนในเวลากลางคืนก็ตาม
หลังฟื้นตัว แมดดี้ก็ได้นำประสบการณ์ของเธอมาแชร์ต่อ เพื่อหวังให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้คนจำนวนมาก ในยุคสมัยที่ผู้คนหันมานิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเธอระบุว่า อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่ามีสารบางอย่างที่น่ากลัวมาก ๆ อยู่ในบุหรี่ที่หน้าตาเหมือนปากกาเหล่านี้ มันไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อย และเกือบจะพรากเอาชีวิตของเธอไปแล้วด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน ในสหราชอาณาจักรนั้น พบว่าบุหรี่ไฟฟ้ายังคงถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้คนเลิกบุหรี่ แต่ก็เริ่มมีความกังวลถึงสารอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะนอกจากนิโคตินที่มีเหมือนในบุหรี่แล้ว บางผลิตภัณฑ์ยังมีการเติมแต่งกลิ่นและรสให้เลือกมากมาย เช่น วานิลลา ซินนามอน และเชอร์รี่ และมีผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่าง ๆ เริ่มออกมาเตือนถึงอันตรายที่แฝงอยู่ของบุหรี่ไฟฟ้านี้
ที่มา Kapook