“เศรษฐกิจใหม่” เรายังเป็นฝ่ายค้าน แต่พรรคมีสิทธิ์เห็นด้วยหรือไม่
มิ่งขวัญนำ “เศรษฐกิจใหม่” แถลงยัน ยังเป็นฝ่ายค้าน แต่พรรคมีเอกสิทธิ์ออกเสียงเห็นด้วยหรือไม่ เน้น 3 อุดมการณ์หลักของพรรคเป็นที่ตั้ง
วันที่ 21 ส.ค. ที่อาคารรัฐสภา 6 ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ได้แถลงตอบประเด็นข่าวลือว่ามี ส.ส. ของพรรค 4 คนจะย้ายขั้วไปอยู่ฝั่งรัฐบาล
นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กล่าวว่า ทางพรรคไม่ทราบว่าต้นตอข่าวลือมาจากไหน แต่กรณีวานนี้ หมอนิยม รองหัวหน้าพรรคได้ไปประชุมร่วม 7 พรรคฝ่ายค้าน มีนักข่าวไปถามเรื่องข่าวลือย้ายพรรค หมอนิยมก็ตอบไปว่า หมอนิยมกับท่านมิ่งขวัญยังอยู่ ส่วนอีก 4 ท่านไม่ทราบ ให้ไปถามท่านดู ปรากฏว่ามีการเกิดเอาไปตีความดังที่เป็นข่าว
นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการณ์หัวหน้าพรรค กล่าวต่อว่า อุดมการณ์ของพรรคมี 3 ข้อหลัก ๆ คือ 1. รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน 3. เราไม่ทะเลาะกับใคร มาเพื่อทำเรื่องเศรษฐกิจ
ไม่ว่าจะทำอะไร แนวทางของพรรคมุ่งไปที่อุดมการณ์ 3 ข้อนี้เสมอ พรรคเศรษฐกิจใหม่ตั้งมาไม่เป็นนอมินีใคร การตัดสินใจ เป็นเรื่องของมติพรรคทุกครั้ง สิ่งที่พูดอะไรออกไปเกิดจากสิ่งที่พรรคพูด
นายสุภดิช กล่าวยำอีก 2 ประเด็น คือ
1. การอยู่ฝ่ายค้าน ยืนยันว่าเป็นฝ่ายค้าน แต่มีบางเรื่องที่อาจไม่เห็นด้วยกับฝ่ายค้านอีก 6 พรรค ก็อาจใช้เอกสิทธิ์ของตัวพรรคไม่ไปร่วมลงมติด้วย
2. เช้าวันจันทร์มีการประชุมพรรค พูดคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน เมื่อมีข่าวลือก็ได้ประชุมกัน ยืนยันว่า ยังอยู่ฝ่ายค้าน ที่สื่อเอาไปลงว่า 4 ท่านย้ายขั้ว ไม่ใช่เรื่องจริง
ภาสกร เงินเจริญกุล เลขาพรรค เสริมว่า
“เราอยากเป็นพรรคที่ทำงานแบบใหม่ ๆ อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า สภาประกอบไปด้วย ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็ต้องทำงานร่วมกัน ถึงเราอยู่ฝ่ายค้าน ก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน เพราะเราก็มีอุดมการณ์ มีเอกสิทธิ์ในการจะออกเสียงตามระบอบประชาธิปไตย ทำให้การทำงานของเราบางอย่างไม่ราบรื่น ปัญหาปากท้องประชาชนบางอย่างก็ไม่ได้มีการพูดถึง พูดถึงแต่เรื่องการเมือง
ผมมองว่า ณ วันนี้ทำยังไงก็ไม่มีทางมีเสถียรภาพร้อยเปอร์เซนต์ แล้วถามว่าประชาชนอิ่มท้องไหม ตนมองว่าต้องมีพรรคพรรคหนึ่งที่ออกเสียงในการทำงานได้ ไม่ใช่มานั่งคุยกันเรื่องไม่ได้ทำให้ประชาชนอิ่มท้อง เราขอมีเอกสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของฝ่ยค้านเช่นกัน บางอย่างเราไม่เห็นด้วย ก็ไม่อยากใช้ในนามของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ถ้าอยากให้เป็น 7 ก็มาคุยกัน บางอย่างเราไม่เห็นชอบก็ปรึกษาเรานิดหนึ่ง ฝ่ายรัฐบาลบางอย่างก็ต้องฟังฝ่ายค้านเช่นกัน
ถึงจะมี 6 คน ก็อยากจะมีเอกสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่อยากจะลากไปอยู่มุมไหนก็มุมหนึ่ง ควรให้เป็นการเมืองแบบใหม่ หลาย ๆ พรรคที่เขามาเชื่อ่ว่าประชาชนก็อยากเห็นการเมืองแบบใหม่ ณ วันนี้เราเป็นฝ่ายค้านที่มีเอกสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น ช่วยกันทำงานดีกว่า ยืนยันว่าเราไม่ใช่ฝ่ายค้านอิสระ”
ภาพจาก : อนาคตใหม่ ภูเก็ต