คืบหน้าฮ่องกงประท้วง สนามบินกลับมาใช้ได้แล้ว สาเหตุการประท้วงวานนี้
คืบหน้าฮ่องกงประท้วง สนามบินกลับมาใช้ได้แล้ว สาเหตุการประท้วงวานนี้ ผลยืดเยื้อจากความไม่พอใจรัฐบาลและใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุม ด้านทางการฮ่องกงและจีนแถลงประณามผู้ประท่วงฮ่องกง
ภาพจาก : James May Photography & HKFP.
ฮ่องกงประท้วงอะไร – จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกงกว่า 5,000 ชุมนุมประท้วงอยู่ในท่าอากาศยานฮ่องกง จนทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินการเดินทางทั้งหมดเมื่อวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น
คืบหน้าล่าสุด สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง รายงานว่า “ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินของทุกสายการบินตามปกติแล้วในวันนี้ (13 ส.ค. 62) อย่างไรก็ดี ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านติดตามข่าวสารและประกาศของการท่าอากาศยานฮ่องกงอย่างใกล้ชิดที่ https://www.hongkongairport.com/en/
ในการนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอแจ้งว่า คนไทยบางส่วนที่ตกค้างจากการยกเลิกเที่ยวบินเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 62 ได้ทะยอยเดินทางกลับไทยแล้ว ซึ่งเที่ยวบินแรกที่ให้บริการบินกลับไทยคือ Hong Kong Airlines เมื่อเวลา 06.55 น. และ Cathay Pacific เวลา 08.55 น. โดยในส่วนของการบินไทย ได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินตามปกติ เริ่มตั้งแต่เที่ยวบินที่ TG601 เวลา 12.45 น.
สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอแนะนำให้คนไทยทุกคนประสานทางสายการบินอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบสถานะของเที่ยวบิน และโปรดเผื่อเวลาในการเดินทางไปที่ท่าอากาศยานและการ check-in เนื่องจากมีผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ หากต้องการความช่วยเหลืออื่นๆ สามารถติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน (+852) 6821 1545 หรือ (+852) 6821 1546″
https://www.facebook.com/rtcghk/posts/2438151959610431?__xts__%5B0%5D=68.ARDZ3y617SvlzMVgaozS7ImN_lRbD8G5H2-PVV9Oj7LxbelUCWnXkf8vbZRH2keXJP4Ch-EjgmEjSql6yd8HuLJSSblcvX9G9V2Ip3tH3oeTwSyHvsN37Ho4rzTlFDxBu2g9kBnuB_Y8xVSTHf2VLy7UJZNBTKgEPFVuEPsr4M2PNGZ4vAJGNQ5BzK4nyMEfGZ1XzNX_wHkqfUtPPinCeFuUH6QLH6C0j-jAN2gdQMjieFHLmL_s-yBQ_ZyWIX3WdQeosqMltQ9BTVOxnebdU52M0pa7HFq5R_8pRvPI_OHr55ZWZ1-AEqgQu5Mf8HfrSBVimmdsmRQVjchEzgEA-9LI&__tn__=-R
ทั้งนี้การชุมนุมประท้วงของชาวฮ่องกงในท่าอากาศยานฮ่องกงปักหลักมาตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม และรุนแรงขึ้นในวันที่ 11 เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาพหญิงสาวผู้ประท้วงรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามยิงด้วยกระสุนถุงตะกั่ว (bean bag round) ที่ตาขวา บาดเจ็บรุนแรงอาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น ณ การชุมนุมประท้วงบริเวณสถานีรถไฟ MRT
HK Riot Police fired bullet and headshot a young lady. I am not sure whether her right eye will turn blind or not but it is totally insane and terrible. US should not export tear gas and rubber bullet to HK Police anymore. pic.twitter.com/R9gZKZysaO
— Joshua Wong 黃之鋒 😷 (@joshuawongcf) August 11, 2019
สาเหตุของการชุมนุมยืดเยื้อของชาวฮ่องกงนานล่วงสัปดาห์ที่ 10 นี้ ชนวนเหตุมาจากความไม่พอใจและความพยายามสะกัดกั้นร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างฮ่องกง ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวฮ่องกงเกรงว่าจีนอาจใช้ร่างกฎหมายดังกล่าวในการควบคุมฮ่องกง และจับกุมตัวผู้ประท้วงทางการเมืองไปรับโทษยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าตำรวจจะไม่อนุญาตให้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมชาวฮ่องก็ยังคงรวมตัวประท้วงกันอย่างต่อเนื่องหลายชุด เช่น สถานทีรถไฟ, ย่านกว้านไจ๋ หรือสนามบินฮ่องกง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ มีการใช้กระสุนยาง ผู้ประท้วงก็ตอบโต้ด้วยระเบิดขวดและก้อนอิฐ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย แต่ภาพรุนแรงที่สุดเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ คือหญิงสาวรายหนึ่งถูกยิงที่ตา ทำให้ผู้ประท้วงฮ่องกงลุกฮือไม่พอใจขึ้นมาจนท่าอากาศยานต้องยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด
ด้านทางการจีนแถลงการประณามการชุมนุมประท้วงของชาวฮ่องกงว่าเป็นการ “ก่อการร้าย” นับเป็นการชุมนุมประท้วงท้าทายจีนครั้งใหญ่ตั้งแต่การส่งมอบเกาะจากอังกฤษในปี 1997
“ผู้ประท้วงหัวรุนแรงของฮ่องกงใช้เครื่องมือที่อันตรายอย่างยิ่งในการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการก่ออาชญากรรมอย่างรุนแรง แล้วยังแสดงสัญญาณเริ่มต้นของการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอีกด้วย” หยางกวง โฆษกสำนักงานฮ่องกงและมาเก๊ากล่าวระหว่างการแถลงการ ณ เมืองปักกิ่ง “นี่เป็นการเหยียบย่ำกฎหมายและระเบียบสังคมของฮ่องกงอย่างร้ายแรง”
ด้าน Global Times รายงานคลิป รถถึงของกองทัพจีนเคลื่อนกำลังไปยังเซินเจิ้น เมืองติดชายแดนฮ่องกง วิดีโอแสดงรถถังหุ้มเกราะประมาณสองโหล ขับผ่านเมืองทางตอนใต้ของกวางโจว
The People’s Armed Police have been assembling in Shenzhen, a city bordering Hong Kong, in advance of apparent large-scale exercises, videos obtained by the Global Times have shown. https://t.co/3KgaXeHw3C pic.twitter.com/YXAORMay0W
— Global Times (@globaltimesnews) August 12, 2019
อ้างอิงจาก