ต้นหอม ขอร้องหยุดดราม่า เลิกราซัน ยันไม่เคยเป็นสายเปย์ ฝ่ายชายไม่ใช่แมงดา
วานนี้ (21 ก.ค.) ต้นหอม ศกุลตลา ได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับดราม่าหลังเลิกรากับ ซัน ประชากร ถึงประเด็นหลังจากที่มีวีดิโอฝ่ายชายขึ้นรถไปกับผู้หญิงใต้คอนโด ซึ่งหลายคนคาดกันว่าสาเหตุที่เลิกรากันเพราะเรื่องมือที่สาม
โดยต้นหอมระบุว่า ตนไม่เคยเปย์ ตลอดเวลาที่คบกับซันมา ภาพอาจจะดูเป็นเช่นนั้น เพราะคนอาจจะไปโฟกัสที่ของขวัญวันเกิด แต่จริงๆ แล้วตนก็ให้แค่ปีละครั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายจะมีของขวัญในโอกาสพิเศษต่างๆ มาเรื่อยๆ และไม่เคยให้เงินทองกับฝ่ายชาย เพราะต้องการมีแฟน ไม่ได้ต้องการแมงดามาเป็นคู่ชีวิต
ส่วนเรื่องวีดิโอที่ซันขึ้นรถไปกับผู้หญิงใต้คอนโดนั้น ตนเห็นวีดิโอแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะตัวเองเดินออกมาเอง และถือว่าเริ่มต้นใหม่แล้ว หลังจากนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรออกมาอีก แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนแล้ว
นอกจากนี้ ยังระบุว่า เหตุผลที่เลิกกันนั้นเพราะทั้งสองฝ่ายไม่ใช่สำหรับกันและกัน แต่ไม่ขอขยี้ว่าเป็นเพราะอะไร เพราะไม่จำเป็นต้องมาอธิบายให้ประชาชนรู้ รู้เพียงว่าทั้งสองคนไม่ใช่สำหรับกันและกันก็เพียงพอแล้ว
แต่กรณีฝ่ายชายอยากขยายความต่อถึงสาเหตุที่เลิกกันนั้น มันมีหลายข้อ ตนคิดว่าไม่จำเป็น ส่วนตัวเดินออกมาแล้ว ส่วนเรื่องการขุดคุ้ยเรื่องมือที่สามไม่ได้มาจากตน ตนไม่อยากวนกลับมาที่เดิมอีกแล้ว เพราะเดี๋ยวพอมีปัญหาใหม่ ตนก็ต้องวนมาตอบอีก และส่วนตัวไม่ได้มาขอความเห็นใจจากประชาชน แค่ออกมาบอกว่าเลิกกันแล้ว ต่อไปเจอหน้าไม่ต้องมาถามแล้ว
ส่วนเรื่องที่ซันจะไปมีใครใหม่นั้น ต้นหอมก็กล่าวว่าก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนเลือกเป็นคนเดินออกมาเอง ถ้ายังอยากอยู่ตรงนั้น จะทิ้งฝ่ายชายทำไม และขอร้องว่า อย่าขุดคุ้ยอะไรจากตนอีก ตนไม่อยากอธิบายอะไร และคิดว่าตนไม่ต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจทุกเรื่อง
ส่วนเรื่องสถานะตอนนี้ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ต่างทำงาน มีชีวิตของตัวเอง ตนอยากให้สังคมปล่อยวางกับเรื่องนี้ เพราะมันนานเกินไปแล้ว และไม่ขอออกความเห็นอะไรเกี่ยวกับฝ่ายชายอีก ส่วนความรู้สึกตอนนี้ก็คือพี่น้องร่วมวงการ เพราะซันก็เป็นดาราคนหนึ่งเหมือนกัน ส่วนเรื่องเข็ด ขอไม่เรียกว่าเข็ด เพราะเดี๋ยวจะดูเหมือนไปเหน็บอีกฝ่าย
โอกาสในการร่วมงานกันนั้นน่าจะยาก เพราะซันเป็นสายละคร เดินสายออกรายการเกมโชว์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตนทำ ส่วนรายการที่ตนทำอยู่ก็จะมีทีมงามช่วยสกรีนให้อยู่แล้ว ถ้าต้องร่วมงานตอนนี้อาจจะยังเร็วเกินไป และต้องดูความจำเป็นของงาน
ที่มา Kapook