ข่าวภูมิภาค

ย้อนรอยคดีแพรวา 9 ศพ จากปากหนึ่งในเหยื่อผู้รอดชีวิต ความทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญตลอด 9 ปี

ย้อนรอยคดีแพรวา 9 ศพ จากปากหนึ่งในเหยื่อผู้รอดชีวิต สิ่งที่ต้องเผชิญตลอด 9 ปี : คดีแพรวา

แพรวา 9 ชีวิตปัจจุบัน – หากใครยังจำได้ กับอุบัติเหตุสะเทือนขวัญเมื่อปี 2553 เป็นข่าวใหญ่และคดีความครึกโครมเนื่องจาก เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณทางด่วนโทลล์เวย์ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ที่นางสาวแพรวาขับรถเก๋งชนรถตู้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ สร้างความเสียใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก หลายคนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นความหวังของครอบครัว ผู้เป็นพ่อของหนึ่งในเหยื่อเสียชีวิต ถึงกับตรอมใจตายหลังจากนั้น

ผ่านมาแล้ว 9 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว แต่บาดแผลทางใจของผู้รอดชีวิตยังไม่เคยจางหาย รวมถึงการเยียวยาที่ยังไม่เคยมาถึง แม้ว่า น.ส.แพรวา หรือ แพรวพราว เทพหัสดิน ณ อยุธยา ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะพร้อมสั่งคุมประพฤติห้ามขับรถจนถึงอายุ 25 ปี ขณะที่ ‘ศาลแพ่ง’ สั่งเยียวยาชดเชยค่าเสียหายแก่ผู้ประสบเหตุ แต่ “ติน วรัญญู” บอกว่าเขาไม่เคยได้รับการเยียวยาชดเชยเลย

Advertisements

https://twitter.com/lisoo4eva/status/1150807352624312320?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1150807352624312320&ref_url=https%3A%2F%2Fnews.mthai.com%2Fsocial-news%2F745417.html

ติน ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “(1)เราคือคนที่อยู่ในรถตู้คนนั้น แต่โชคดีเราไม่ตาย เรารู้ว่าไม่มีใครอยากให้เกิด เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่9ปีที่ผ่านมานั้น เธอและครอบครัวกลับไม่สนใจอะไรเลย มาศาลแค่ครั้งแรก และไม่เคยมาอีกเลย ส่วทนายของคุณมาซึ่งเป็นลุงของคุณเอง”

(2) คนเราผิดพลาดกันได้ เราเข้าใจ ทุกคนเข้าใจ แต่หลังจากนั้นต่างหาก สิ่งที่เพื่อนมนุษย์เขาปฏิบัติต่อกันคืออะไร “ความผิดพลาดที่ยิ่วใหญ่ ก็ควรมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เสมอ”

(3)อยากเล่าต่อแต่ง่วงแล้ว มันอึดอัดจริงๆ เรายอมทุกอย่าง เคารพศาลทุกอย่าง แต่เค้าดันพาเรามาถึงชั้นฎีกาทั้ง คดีอาญาและแพ่ง แม้ในชั้นไกล่เกลี่ย เค้าและพ่อแม่ยังไม่มาเลย T T

(4)สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือวันไกล่เกลี่ยผ่านมา 9 ปีแล้วเขาถึงจะยอมทำ คือเขาเสนอให้ก้อนนึงจะได้จบๆ เราตกลงถึงแม้มันจะไม่เท่าที่ศาลตัดสินมันเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ผ่านไป 1 เดือน มาบอกจะหักอีกครึ่ง “ถ้าไม่เอาก็ต้องเอา ไปฟ้องบังคับคดีเอา ฟ้องไปก็ไม่ได้อะไรนะ” ทนายเขาพูด

Advertisements

(5) เรางงมาก เอ้ยนี่เราไม่ขอทานป่าว ผ่านมา 9 ปี เงินมันไม่ใช่แล้ว เงินเท่านั้นกับการเเลกกับนอนเป็นเตียงนิ่งๆขยับไม่ได้ 2 เดือน ขี้เยี่ยวบนเตียง ใครจะเอา หัดเดินอีก 2 ปี?

(6) เราไม่อยากให้พูดว่าเป็นบาปกรรมที่ทำมาต่อกันในชาติที่แล้วนะ มันตลก แต่เรากำลังอยู่สังคมที่สถาบันครอบครัวล้มเหลวมากๆต่างหาก เด็กอายุไม่ถึง 18 ขับรถบนโทลเวย์ได้อะ มันบอกอะไรหลายอย่างแล้วนะ​

ตอนที่อยู่ห้องฉุกเฉินเรายังหันไปบอก ซึ่งเป็น อุปนายก อมธ ตอนนั้นว่า ถามเค้่าซิพ่อแม่มายัง เรานึกว่าแพรวาคือคนในรถตู้ มธ ยังเปรยว่าโชคดีจังไม่เป็นไรเลย ส่วนเราไหปลาหัก3ท่อน เข่าซ้ายแตก แขนขวาหัก แงๆ

ปี 2559 ทนายคดีแพรวา ซึ่งเป็นญาติฝ่ายแม่ ได้คำร้องต่อศาลให้ทุเลาบังคับคดี โดยกล่าวเองว่าไม่ได้ประวิงเวลาแต่ขอสู้ให้ถึงที่สุดแล้วจะจ่าย เรื่องเงินทองที่ไม่มีคงไม่ใช่

ตอนได้รับหมายศาลนี้ ซึ่งเป็นชั้นฎีกาของคดีแพ่งแล้ว เราคาดหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแบบจริงๆเสียที 9ปี แล้วมันเสียพลังใจมากทุกครั้งที่ไป และมันควรจบได้แล้วเมื่อคำพิพากษาสิ้นสุด แต่มันเหมือนเขานิ่งเฉย ประวิงเวลาอยู่ตลอดเลย

สรุปเหตุการณ์คดีแพรวา 9 ศพ จาก ติน หนึ่งในผู้รอดชีวิต

(1) 27/12/53เป็นมิดเทอม ปี 3 ของธรรมศาสตร์ อ่านหนังสือจนดึกเพื่อสอบตัวสุดท้ายวันพรึ่งนี้ กลับบ้านด้วยรถตู้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้กลับมาสอบอีกเลย เสียชีวิตทันที 8 คน มาเสียที่ รพ อีก 1 เป็น 9 คน (ใครบ้างก็น่าจะรู้กันหมดแล้ว) รอดชีวิต 4 คน 1 ใน 4 คนเป็นชาวต่างชาติ

(2) เราหลับตื่นมาอีกทีด้วยเสียงกรีดร้อง พบว่าตัวเองอยู่บนโทลเวย์แล้ว ถึง รพ กระดูกไหปลาร้าเราหัก 3 กระดูกเข่าซ้ายแตก แขนขวาหักพร้อมแผลใหญ่ กระจกรถปักทั่วร่างจนเลือดอาบหน้า เราโดนชน 3 ทุ่มแต่ได้เข้าห้องผ่าตัดตอน 7 โมงเช้า ตอนนั้นมีคนหนักกว่าเราเยอะ

(3) หลังผ่าตัดเราขยับร่างกายไม่ได้เลย เพราะโดนพันท่อนล่างหมด เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นอนนิ่งๆบนเตียง มันยากมาก ร้องไห้บ่อยมาก หงุดหงิดตัวเองมากที่ต้องขี้เยี่ยวบนเตียง แน่นอนว่าเราไม่ได้ไปเรียน

(4) ครั้งแรกที่เจอแพรวา มาพร้อมกับแม่และช่างภาพ เรายังนอนติดเตียงอยู่เลย น้องนั่งรถเข็นมาในห้อง คนที่พูดทั้งหมดคือแม่ แม่พูดจบจึงบอกว่าน้องว่า “ขอโทษพี่เขาสิลูก” น้องพูดว่า “หนูขอโทษค่ะ” นั้นคือครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน พร้อมมอบขนมเปี๊ยะบ้านอัยการและถ่ายรูป

(5) ตอนนั้นไม่รู้สึกถือโกรธแล้วเพราะมันคืออุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจ เราก็สึกสึกดีนะที่มาขอโทษ ที่เขาไม่พูดเพราะเขายังเด็กอาจจะกลัวด้วย พอน้องออกไป พี่พยาบาลก็มาเล่าว่าน้องเขาเดินมาปกตินะ แต่มาขอรถเข็นหน้าวอร์ด เราเลยอึ้งไปพักนึง

(6) เราหัดเดินให้กลับมาปกติ 1 ปี ระหว่างนั้นก็กลับไปเรียนด้วย ร่างกายปกติทุกอย่างหลังจากนั้น 3 ปี ระหว่างนั้นก็ต้องไปหาหมอ ค่ารักพยาบาลที่เกิดขึ้นประกันรถเป็นคนจ่าย แต่หลังจากออก รพ. เวลาไป follow up เราต้องออกเองซึ่งเป็นจำนวนมากและได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายนี้ไปในศาล

(7) คดีความแบ่งเป็น 2 คดีคือ อาญาและแพ่ง อาญา มาหากันว่าใครผิดระหว่างรถตู้หรือแพรวา ระหว่างนั้นคุณป้าซึ่งเป็นแม่คนขับรถตู้ จะยกมือขอโทษเราทุกครั้ง “ขอโทษที่ลูกสาวป้าทำให้เราเจ็บ” เราไม่ได้ถือโกรธเลย แต่เราไม่ได้คำยินคำนี้จากแพรวาเลย

(8) คดีอาญามาถึงศาลเด็กฯชั้นต้น วันเปิดคำพิพากษา คณะผู้พิพากษามาถามว่าให้เราเข้ากระบวน RJ มั้ย(กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์) คดีจะไม่ติดตัวเด็กให้มาไกล่เกลี่ยกันคุยกัน โอ้โหแต่3ปีก่อนหน้านี้เราเหนื่อยมาก เขาต่างหากที่ไม่ยอมคุยไม่ยอมมาเราเสียใจกับศาลในตอนนั้นจริงๆ

(9) ศาลตัดสินให้เขาผิด แต่ให้รอลงอาญา นั้นหมายความว่าไม่ติดคุก ไปบำเพ็ญประโยชน์แทน ทางทนายแพรวาเขาอุทธรณ์ในคดีอาญา และก็พาเรามาถึงชั้นฎีกา สูงสุด ซึ่งเป็นเค้าเองที่ไม่ยอม แต่เหยื่อยอมหมดแล้ว หมดแรงแล้ว

(10) คดีแพ่ง ก็เริ่มฟ้องเช่นกัน ศาลชั้นต้นส่งให้จ่ายตามผลคดีอาญาเพราะแพรวาผิดจริงๆ และให้คนที่แพรวายิมรถจ่ายด้วย ถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช้ผู้ปกครอง แต่ศาลมองว่าการที่ผู้ชายคนนั้นไปรับไปส่งแพรวาพ่อแม่รับรู้ย่อมเปรียบเหมือนผู้ปกครอง

(11) คดีแพ่งมาถึงชั้น อุทธรณ์ ศาลสั่งให้ลดเงินลงโดยไม่นำสืบ ตามที่ทนายแพรวายื่นอุทธรณ์ จนมาถึงชั้นฎีกาของแพ่ง ศาลสั่งให้ยืนตามศาลชั้นต้น แต่ก่อนจะเปิดคำพิพากษาชั้นฎีกาของคดีแพ่ง ทางศาลนำเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย

(12) เหตุการนี้แหละบั่นทอน 9 ปีที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเรายอมเขาทุกแล้ว ขอประวิงเวลาอย่างเห็นได้ชัด สู้กันถึง 3 ศาลทั้ง 3 คดี และเราไม่เคยเจอแพรวาและพ่อแม่เลย มาถึงไกล่เกลี่ยเราหวังว่ามันคือการพูดคุยกันที่ดี ปรากฎว่าเขาไม่มา ส่งทนายคนผู้เป็นญาติฝั่งแม่มา

(13) ศาลนัด 8.30 โมงเขามา 10 โมง ทุกคนรอ พอมาถึงคำแรกที่พูดเขาบอกว่าแค่จะมารับฟังว่าทุกคนจะร่วมไกล่เกลี่ยมั้ยแค่นั้นไม่ได้มีประเด็นจะพูดอะไร อันนี้งงสุด แล้วคุณเองหรือเปล่าให้เราเข้าไกล่เกลี่ยเรามาแล้วแต่คุณไม่พร้อมอีก

(14) นัดอีกทีเดือนหน้า เราบอกกับแม่ว่าเขาพูดมาเท่าไหร่ก็เท่านั้นนะแม่ เงินที่รักษาตัวไปมันถือว่าหายไปแล้ว แม่เต้องหยุดทำงานขาดรายได้เป็นปีก็เท่านั้น (ศาลสั่งให้จ่ายค่าชดเชยแม่แค่ 4000 บาทเราก็น้อมรับ) จะได้จบซักที เราก็โอเคกับเงินก้อนนั้นที่เขาเสนอมาเพราะอยากจบจริงๆ

(15) นัดรอบหน้า คราวนี้เราไม่มาแล้วตอนนั้นอยู่ภูเก็ต พี่ทนายโทรมาบอกว่าทนายฝั่งโน่นให้ไม่ได้แล้วนะ และก็เปิดลำโพงให้เราคุยในชั้นไกล่เกลี่ย ทนายแพรวาบอกว่า ถ้าไม่รับตัวเลขใหม่ก็จบไม่คุยแล้ว ไปฟ้องล้มละลายหรือยึดทรัพย์เอานะครับได้กันอีกทีไม่กี่บาทหรอก อาจจะไม่ได้เท่านี้

(16) เขาต่อราคาเรายังกะผักปลา ในคำร้องให้ศาลทุเลาบังคับคดี โดยทนายแพรวาบอกเป็นลายลักษณ์ว่า ยินดีชดใช้ถ้าคดีถึงสิ้นสุด โดยอ้างเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอ้างว่าเป็นทายาท “พลเอกยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” บุคคลผู้มีชื่อเสียงและประกอบคุณงามความดีของประเทศนี้ เขาเขียนอย่างนี้จริงๆ

(17) เราเลยไม่โอเค ไม่ยอมรับเงินก้อนนั้น ถึงแม้ตอนแรกอยากจะรับเพราะเหนื่อยแล้ว และมันเป็นเงินที่ต่ำกว่าศาลให้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยตลvด 9 ปีที่ผ่านมา ผู้เสียหายทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมด แต่เป็นเรื่องความใส่ใจต่างหากที่เราไม่รู้สึกเลย

(18) เมื่อเดือน พ.ค. 62 ที่ผ่านมาศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ให้ชำระค่าเสียหาย รอบนี้ไม่มีมาทั้งทนายและแพรวาเช่นเดิม สู่ 9 ปีผ่านมาแล้วที่ไม่เจอกันตั้งแต่ครั้งแรก เรายอมทุกอย่างเชื่อตามศาลทุกอย่าง อดทนไม่พูดมา 9 ปีแล้ว จนมันไม่ไหวเเล้ว เราไม่เข้าใจว่าเขารออะไร

(19) เราเข้าใจเลยว่าเธอไม่ตั้งใจ มันคืออุบัติเหตุ แต่หลังจากนั้นหรือเปล่าสิ่งที่เพื่อนมนุษย์เขาปฏิบัติต่อกัน มันสำคัญกว่าเรื่องฟ้องร้องเลยอะ เงินแค่นั้นแลกกับการโดนชนแบบนั้น เราถามว่ามีใครอยากได้บ้าง แลกกับเสียลูกไปใครอยากได้บ้าง ?

(20) ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน หวังว่าครอบครัวเทพหัสดิน คงจะได้ยิน

มีหลายคนถามว่าคดีเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนตามคดี คือคดีจบแล้วนะครับ ถึงขั้นสุดแล้ว ไปจบที่ฎีกาทั้งแพ่งและอาญา….

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button