ข่าวภูมิภาค

วัยรุ่น 16 ฆ่าแฟนสาววัยเดียวกันก่อนจับแขวนคออำพรางคดี

เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) ตำรวจสภ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุนักเรียนหญิงแขวนคอเสียชีวิตในชุดเครื่องแบบของวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง โดยนักเรียนหญิงเรียนอยู่ชั้นปวช.2 เกิดเหตุภายในห้องน้ำ โดยสภาพศพมีรอยเขียวช้ำที่แขนและใบหน้า มีรอยคล้ายถูกบีบที่ลำคอ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง

 

Advertisements

เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายเพราะมีพยานระบุว่าสภาพศพเหมือนนั่งคอพับตอนเข้ามาช่วยเหลือ ตำรวจจึงสอบสวนนายบี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย ที่พักอาศัยอยู่ห้องเดียวกัน นายบีอ้างว่าทะเลาะกับผู้ตาย 3 วันแล้วจึงไปนอนกับเพื่อนนักเรียนช่างกลด้วยกัน และวันนี้ก็มาพบแฟนผูกคอเสียชีวิต คิดว่าคงน้อยใจที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบพิรุธในคำให้การหลายอย่าง ประกอบกับที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์นิติเวชสงสัยว่าน่าจะเป็นการอำพรางคดีเพราะศพมีรอยช้ำหลายแห่งและมีรอยบีบคอ อีกทั้งจุดที่พบศพไม่น่าจะใช้ผูกคอจนถึงตายได้ นอกจากนี้ สภาพห้องก็มีลักษณะ เหมือนคนทะเลาะกันรุนแรง มีการทำลายข้าวของ ผู้ตายไม่น่าจะอยู่คนเดียวตอนเกิดเหตุ

 

หลังสอบสวนไปหลายชั่วโมงนายบีจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าแฟนสาวเอง และได้อำพรางศพด้วยการลากไปแขวนคอในห้องน้ำ สาเหตุเพราะทะเลาะกันเรื่องที่แฟนสาวแอบมีกิ๊ก ตนโมโหจึงพลั้งมือบีบคอจนเสียชีวิต

Advertisements

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหาอายุ 16 ปี การสอบสวนและบันทึกคำให้การต้องรอให้ทีมสหวิชาชีพหลายฝ่ายมาร่วมสอบ ทั้งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เพื่อร่วมกันสอบปากคำเด็กที่ตกเป็นผู้ต้องหา

ทีมสืบสวนระบุว่า เด็กทั้งสองแอบได้เสียกันตั้งแต่จบชั้นม.3 จนญาติทั้งสองฝ่ายต้องจัดงานแต่งงานให้และย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ฝ่ายชายเรียนช่างกล ฝ่ายหญิงเรียนพาณิชย์ โดย 3 วันก่อนเกิดเหตุเพื่อนของนายบีเอาภาพของผู้ตายในเฟซบุ๊กสตอรี่ นั่งกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนชายที่นายบีไม่รู้จัก ทำให้นายบีโมโหและพยายามเค้นถามว่าผู้ชายที่นั่งใกล้ๆ คือใครจนทะเลาะกันรุนแรงและนายบีก็หนีไปนอนกับเพื่อน จากนั้นประมาณห้าทุ่มของคืนที่ผ่านมานายบีแอบกลับมาหาผู้ตายและเค้นความจริงอีกรอบ ซึ่งรอบนี้นายบีพลั้งมือบีบคอแฟนจนเสียชีวิต หลังอำพรางศพนายบีก็กลับไปนอนที่ห้องเพื่อน รุ่งเช้าก็ไปเรียนตามปกติ โดยได้ชวนเพื่อนไปที่ห้องเพื่อให้มาพบศพ

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก ข่าวสด

ขอบคุณภาพจาก ข่าวสด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button