ข่าวภูมิภาค

คลังเลือด “วชิระ” วิกฤติหนัก ขาดเลือดทุกกรุ๊ป เชิญประชาชนบริจาคช่วยชีวิตคน

คลังเลือด “วชิระ” วิกฤติหนัก ขาดเลือดทุกกรุ๊ป เชิญประชาชนบริจาคช่วยชีวิตคน : ข่าวภูเก็ต

 

โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตขาดเลือด – น่าเป็นห่วงผู้ป่วย เมื่อโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนร่วมกันบริจาคโลหิต เนื่องจากขาดเเคลนเลือดทุกกรุ๊ป นั่นย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่กำลังรอการรักษาและใช้เลือดอย่างเร่งด่วน โลหิตของคุณมีค่า ช่วยกันบริจาคเลือดเพื่อต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้อีกหลายชีวิต

 

สำหรับผู้มีความประสงค์บริจาคโลหิต สามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารเลือด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ชั้น 4 ตึกผู้ป่วยนอก

วันปกติ 08.30 – 20.00 น.

วันหยุดราชการ 08.30 -15.00 น.

โทร 076-361234 ต่อ 1285

เฟซบุ๊ก ธนาคารเลือด รพศ.วชิระภูเก็ต

 

สิทธิพิเศษสำหรับผู้บริจาคโลหิต

 

  • ผู้บริจาคโลหิต 1 ครั้ง ขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ ตามสิทธิที่สามารถเบิกได้จากหน่วยงานต้นสังกัดก่อน ส่วนที่เกินสิทธิให้เรียกเก็บ 50 %
  • ผู้บริจาคโลหิต 18 ครั้ง ขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ 50 % ตามอัตราที่กำหนดไว้

สอบถามรายละเอียด ได้ที่ฝ่ายปรับปรุง และพัฒนากฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โทร. 0 2590 1435

กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในสังกัดสภากาชาดไทยได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี แบ่งออกเป็น

  • ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไป เสียค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ไม่รวมค่ายาและเวชภัณฑ์ หากอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร เสียค่าใช้จ่าย 50 % กรณีผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ ไม่ได้รับการยกเว้น
  • ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไปได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ไม่รวมค่ายาและเวชภัณฑ์ หากอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร เสียค่าใช้จ่าย 50 % กรณีผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ ไม่ได้รับการยกเว้น

ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าว ผู้บริจาคโลหิตที่มีสิทธิพื้นฐาน เช่น บัตรทอง บัตรข้าราชการ และประกันสังคม ต้องใช้สิทธิ์นั้นก่อนโดยให้นำบัตรประจำตัวของผู้บริจาคโลหิต ขอหนังสือรับรอง ได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยถนนอังรีดูนังต์ ส่วนภูมิภาค ขอหนังสือรับรองได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ เหล่ากาชาดจังหวัด โรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยหนังสือรับรองใช้ลดหย่อนการรักษาพยาบาลดังกล่าว เป็นครั้งๆไป สามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 0 2256 4300 ,0 2263 9600-99 ต่อ 1760,1761 (ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม 2561)

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต

1. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ผู้ที่มีอายุ 17 ปี ไม่ถึง 18 ปี ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง

2. ผู้บริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก ถ้าอายุเกิน 55 ปี – 60 ปี และให้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ และ พยาบาล

3. ผู้บริจาคโลหิตอายุมากกว่า 60 ปี – 70 ปี แบ่งเกณฑ์การคัดเลือกตามาอายุ 2 ช่วง ดังนี้

3.1 การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตอายมากกว่า 60 จนถึง 65 ปี (ไม่รับบริจาคในหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่)
1) เป็นผู้บริจาคโลหิตประจำมาโดยตลอดจนกระทั่งอายุ 60 ปี
2) บริจาคโลหิตได้ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง คือทุก 4 เดือน
3) ตรวจ Complete Blood Count (CBC),Serum Ferritin (SF) ปีละ 1 ครั้ง เพื่อประกอบการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทั่วไป และสำหรับแพทย์ใช้ผลการตรวจ SF ในการติดตามและ
ปรับการให้ธาตุเหล็กทดแทน

3.2 ผู้บริจาคโลหิตอายุมากกว่า 65 ปี จนถึง 70 ปี (ไม่รับบริจาคในหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่)
1) เป็นผู้บริจาคโลหิตต่อเนื่องสม่ำเสมอในช่วงอายุ มากกว่า 60 ปี จนถึง 65 ปี
2) บริจาคโลหิตได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง คือ ทุก 6 เดือน
3) ต้องได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพโดยแพทย์ หรือพยาบาลของธนาคารเลือดหรือหน่วยงานรับบริจาคโลหิตซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจคัดกรองสุขภาพผู้บริจาคโลหิต4) ตรวจ CBC และ SF ปีละ 1 ครั้ง
ทั้งสองช่วงอายุให้ดูผล hemoglobin ่จาก CBC ที่เจาะในวันเดียวกันกับที่จะบริจาคโลหิต หรือจากการเจาะปลายนิ้ว ถ้าอยู่ในเกณฑ์กำหนด อนุญาตให้บริจาคโลหิตได้ สำหรับผลการตรวจอื่นๆ
ที่ไม่ได้ผลทันที ให้เก็บไว้ประกอบการให้คำปรึกษาหลังจากการบริจาคโลหิตครั้งนี้ ในโอกาสที่มาบริจาคโลหิตครั้งต่อไป หรือแจ้งผลโดยวิธีอื่นๆตามความเหมาะสม
ผู้บริจาคโลหิตในช่วงอายุ 60 ปี ถึง 70 ปี ที่บริจาคโลหิตไม่สม่ำเสมอ มีการหยุดบริจาคทิ้งช่วงเกิน 1 ปี ให้เจาะเลือดตรวจตามที่ระบุไว้และนัดให้ผู้บริจาคมาฟังผลเพื่อพิจารณาการรับบริจาคโลหิต
ภายใน 1-2 สัปดาห์ และต้องเจาะเลือดจากปลายนิ้วตรวจฮีโมโกลบินซ้ำตามขั้นตอนการรับบริจาคโลหิต ในวันที่บริจาคโลหิต
ผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจนถึง 60 ปี ที่ต้องการบริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก ให้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์/พยาบาล
ไม่ควรรับบริจาคโลหิตจากผู้ที่อายุเกิน 60 ปี ในหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่

4. น้ำหนักตั้งแต่ 45 กิโลกรัม ขึ้นไป

5. สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมที่จะบริจาคโลหิต

6. นอนหลับพักผ่อนเพียงพอในเวลาปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่มาบริจาคโลหิต

7. ไม่มีประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจ โรคตับ โรคปอด โรคเลือด โรคมะเร็ง หรือมีภาวะโลหิตออกง่ายและหยุดยาก

8. ไม่มีอาการท้องเสีย ท้องร่วง ใน 7 วันที่ผ่านมา

9. สตรีไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือน ที่ผ่านมา

10.น้ำหนักต้องไม่ลดผิดปกติในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุ

11. หากรับประทานยาแอสไพริน, ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาแก้ปวดอื่นๆ ต้องหยุดยามาแล้ว 3 วัน ถ้าเป็นยาแก้อักเสบหรือยาอื่นๆ ต้องหยุดยามาแล้ว 7 วัน

12. ไม่เป็นโรคหอบหืด, ผิวหนังเรื้อรัง, วัณโรค หรือภูมิแพ้อื่นๆ

13.ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หัวใจ, ตับ, ไต, มะเร็ง, ไทรอยด์,โลหิตออกง่าย-หยุดยาก หรือโรคประจำตัวอื่นๆ

14. หากถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนหรือรักษารากฟัน ต้องทิ้งระยะอย่างน้อย 3 วัน กรณีผ่าฟันคุด ให้เว้นอย่างน้อย 7 วัน จนกว่าแผลจะหายสนิทไม่มีอาการอักเสบ

15. หากเคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ต้องเกิน 6 เดือน, ผ่าตัดเล็ก ต้องเกิน 7 วัน

16.ท่านหรือคู่ครองของท่านต้องไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์

17. ต้องไม่มีประวัติยาเสพติด หรือเพิ่งพ้นโทษ ต้องเกิน 3 ปี และมีสุขภาพดี

18. หากเจาะหู, สัก, ลบรอยสักหรือฝังเข็มในการรักษา โดยใช้เครื่อมือร่วมกัน หรือในสถานที่ที่มีคุณภาพความสะอาดต่ำ อาจติดเชื้อโรคทางกระแสโลหิต จึงควรงดบริจาคอย่างน้อย 1 ปี

แต่หากกระทำด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่สะอาดปราศจากเชื้อ โดยผู้ชำนาญ และเป็นวัสดุที่ใช้ครั้งเดียวเฉพาะตัว เว้นระยะเวลาให้แผลอักเสบหายสนิทอย่างน้อย 7 วัน

19. หากมีประวัติเจ็บป่วยและได้รับโลหิตของผู้อื่น ต้องเกิน 1 ปี

20. หากมีประวัติเป็นมาลาเรีย ถ้าเคยเป็นต้องหายมาแล้วเกิน 3 ปี หากเคยเข้าไปในพื้นที่ ที่มีเชื้อมาเลเรียชุกชุม ต้องทิ้งระยะอย่างน้อยเกิน 1 ปี จึงบริจาคโลหิตได้

21. หากเคยเจ็บป่วยต้องรับโลหิตของผู้อื่นที่ประเทศอังกฤษในระหว่างปีพ.ศ.2523-2539 งดรับบริจาคโลหิตถาวร

22. หากเคยพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษรวมระยะเวลา 3 เดือน ในระหว่างปี พ.ศ.2523-2539 หรือ เคยพำนักในยุโรปรวมระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523-ปัจจุบัน งดรับบริจาคโลหิตถาวร

23. หากเคยได้รับวัคซีน เพื่อป้องกันโรค หรือเคยรับเซรุ่ม ระยะเวลาที่งดรับบริจาคโลหิตขึ้นกับชนิดขอบวัคซีน หรือ เซรุ่ม

24. สตรีอยู่ระหว่างมีรอบเดือน ไม่เป็นข้อห้ามในการบริจาคโลหิต ถ้าขณะนั้นสุขภาพแข็งแรง มีโลหิตประจำเดือนไม่มากกว่าปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลียใดๆ ตรวจความเข้มข้นโลหิตผ่านก็สามารถบริจาคโลหิตได้

25. ก่อนบริจาคโลหิต ควรงดอาหารไขมันสูง เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวข้าวหมู ของทอด ของหวาน แกงกะทิต่างๆ
เป็นต้น

 

 

 

 

อ้างอิงจาก : สภากาชาดไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button