ข่าวภูมิภาค

งัดทุกกฎหมายเอาผิดต่างชาติ-ภรรยาคนไทยสร้างบ้านลอยน้ำ จ่อผิดอีกหลายกระทง

งัดทุกกฎหมายเอาผิดฝรั่ง-ภรรยาคนไทยสร้างบ้านลอยน้ำ ตม.แจ้งเพิ่มออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเขตท่า เปิดโรงงานไม่ได้รับอนุญาต จ่อผิดอีกหลายกระทง ทั้งขุดลอกล่องน้ำ ศุลกากร กสทช.สอบ 4 บริษัทเข้าข่ายนอมินี

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (3 พ.ค.) นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานตรวจสอบและติดตามความคืบหน้ากรณีคณะบุคคลสร้างวัตถุลอยน้ำ (Seasteading) บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 5/2562 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ทัพเรือภาคที่ 3 อัยการ เจ้าท่า ตำรวจ สภ.วิชิต อุตสาหกรรม ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร กสทช.เจ้าพนักงานที่ดิน โยธาธิการและผังเมือง ฯลฯ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

Advertisements

ทั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งบ้านลอยน้ำ บริเวณนอกน่านน้ำไทย ที่บริเวณละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือ บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ 14 ไมล์ทะเล หรือ ประมาณ 22 กิโลเมตร คือ นายแชด แอนดรูว์ เอลวาร์ทอฟสกี ชาวต่างชาติสัญชาติอเมริกัน และ นางสุปราณี หรือ นาเดีย ภรรยาชาวไทย ซึ่งทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญา มาตรา 119 ทำให้อธิปไตยของไทยเสื่อมเสีย และรุกล้ำอธิปไตยของไทย หลังจากทั้งคู่ได้มีการโฆษณาชักชวนให้ผู้ที่มีแนวคิดในการตั้งรัฐอิสระมาซื้อบ้านลอยน้ำตั้งเป็นชุมชนไม่ขึ้นกับประเทศใดๆทั้งสิ้น ผ่านทางสื่อโซเชียล และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งส่วนของสร้างและลากบ้านลอยน้ำทรง 8 เหลี่ยมหลังดังกล่าวไปติดตั้ง

โดยก่อนหน้านี้ ทางทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานในศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล ภาค 3 ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบ และพบว่าบ้านลอยน้ำอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย และกีดขวางเส้นทางเดินเรือ จึงได้จัดเรือหลวง จำนวน 3 ลำ คือ เรือหลวงศรีราชา เรือหลวงมันใน และเรือหลวงริ้น เข้าทำการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายมาเก็บไว้ที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต โดยมอบหมายให้เจ้าท่าภูเก็ตเป็นผู้ดูแล เนื่องจากบ้านลอยน้ำเป็นวัตถุพยานชิ้นสำคัญในการดำเนินการคดีกับชาวต่างชาติและภรรยาคนไทย

นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่า ภายหลังจากที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้จัดเรือหลวง 3 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ เข้าทำการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำทรง 8 เหลี่ยม ขนาด 6 คูณ 6 เมตร ที่ชาวต่างชาติและภรรยาคนไทย ได้นำไปติดตั้งในบริเวณนอกน่านน้ำไทย ที่ บริเวณละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือ บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ 14 ไมล์ทะเล หรือ ประมาณ 22 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้บ้านลอยน้ำได้จัดเก็บไว้ที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตซึ่งอยู่ในการดูแลของเจ้าท่า สาขาสาขาภูเก็ต ส่วนตัวฐานนั้นยังอยู่ในทะเลบริเวณท่าเรือน้ำลึก เนื่องจากมีน้ำหนักมาก ต้องใช้เครนขนาดใหญ่ยกขึ้นมา แต่ได้มีการปลูกไว้อย่างแข็งแรงแล้ว

ในส่วนของความคืบหน้าการดำเนินคดี ตามที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญา มาตรา 119 นั้น ทางพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต เจ้าของพื้นที่ ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินการเอาผิดกับชาวต่างชาติและภรรยาคนไทยอย่างรัดกุมที่สุด รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา โดยขณะนี้ทาง สภ.วิชิตได้ทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรม กสทช.ศุลกากร เจ้าท่าสาขาภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้เป็นแบบอย่างไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก

นอกจากนี้ ทางตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ยังได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกกับชาวต่างชาติและภรรยาคนไทย ในข้อหาเป็นบุคคลเข้าออกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเขตท่า ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 11 โดยใช้พฤติกรรมการออกไปติดตั้งบ้านลอยน้ำที่เกิน 12 ไมล์ทะเล ถือว่าออกไปจากราชอาณาจักรแล้วเป็นพยานหลักฐานในการแจ้งข้อกล่าวหา จากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการเพิกถอนวีซ่าและขึ้นแบล็กลิตห้ามเข้าประเทศไทยตลอดชีวิตและเป็นบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังในการเข้า-ออก ประเทศ อย่างไรก็ตาม บุคคลทั้งสองยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่จากระบบของ ตม.ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ ส่วนจะออกนอกประเทศตามเส้นทางธรรมชาติหรือไม่นั้น ยังไม่มีการยืนยันข้อมูล

Advertisements

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ ตม.ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 11 ทาง สภ.วิชิต ได้ออกหมายเรียกถึงบุคคลทั้งสองแล้ว โดยในส่วนของผู้หญิงไทยนั้นได้ส่งไปยังภูมิลำเนาเดิม ส่วนชาวต่างชาติได้ส่งไปยังที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้กับตม.ครั้งสุดท้าย คือ อยู่ในตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และหากยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และขอออกหมายจับในที่สุด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ มาตรา 119 กฎหมายอาญา แต่อย่างใด

ส่วนการจัดตั้งโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับเรือของบริษัท phuket Premier Boatyard นั้น ทางอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ท่าฉัตรไชย แล้ว ในข้อหาจัดตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ทางพาณิชย์จังหวัดทำการตรวจสอบ บริษัททั้ง 4 แห่ง ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินการบ้านลอยน้ำ มีลักษณะเป็นนอมินีหรือไม่ เนื่องทั้ง 4 บริษัท ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง มีชื่อ และพฤติกรรม ที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งการดำเนินการของ 4 บริษัท เข้าไปเกี่ยวข้องกับฐานความผิดที่ให้ทางอุตสาหกรรมและเจ้าท่าตรวจสอบอย่างไรบ้าง

พร้อมทั้งได้มอบหมายให้เจ้าท่าสาขาภูเก็ต ตรวจสอบการเปิดล่องน้ำ ในเขตราชอาณาจักรไทย เพื่อที่จะใช้ในการลากเรือ บ้านลอยน้ำออกไปสู่ทะเล ว่ามีความผิดในส่วนไหนบ้าง และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้ที่ดิน ดำเนินการเกินที่ได้ขออนุญาตไว้หรือไม่ และจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินดังกล่าวมีเอกสารสิทธิถูกต้อง และจากการตรวจสอบพบว่ามีการขุดดินเกินกว่าที่ได้ขออนุญาตไว้กับ อบต.ไม้ขาว

ขณะที่การดำเนินการลากบ้านลอยน้ำไปติดตั้งในบริเวณดังกล่าวเป็นความผิดกฎหมายศุลกากร ตรวจสอบว่ามีการนำวัตถุออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้ปฏิบัติตามพิธีศุลกากร ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร มาตรา 242 2 ตาม พ.ร.บ.พ.ศ.2560 ซึ่งขณะนี้ทางศุลกากรภูเก็ตได้เสนอเรื่องไปยังอธิบดีกรมศุลกากรเพื่อมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป

ส่วนความผิดกฎหมายของ กสทช.นั้น พบว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมายวิทยุโทรคมนาคม มีการนำเข้าวิทยุฯโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการติดตั้งสถานีวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นกัน

ส่วนกรณีมีข่าวออกมาว่า ชาวต่างชาติเจ้าของบ้านลอยน้ำได้ร้องเรียนไปยังสื่อนอกว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานราชการไทยที่เข้าไปรื้อถอนและเคลื่อนย้ายเข้าฝั่งนั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า บ้านลอยน้ำเป็นวัตถุพยานในการกระทำความผิด จำเป็นที่จะต้องยึดอายัดไว้ และกฎหมายได้เปิดกว้างให้หน่วยงานราชการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิดได้อีกด้วย

ส่วนการประสานงานกับอัยการสูงสุดนั้น มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่มีการสอบสวนนอกราชอาณาจักร ภายในสัปดาห์หน้าน่าที่จะดำเนินการต่อไปได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button