ผู้ป่วย 2 คนถูกวินิจฉัยติดเชื้อ HIV หลังทำ ‘vampire’ facial ที่สปา
ผู้ป่วย 2 คน วินิจฉัยเป็น HIV หลังทำ ‘vampire’ facial ที่สปา
vampire facial – วันที่ 2 พ.ค. เว็บไซต์ต่างประเทศ honey.nine.com.au รายงาน มีการออกคำเตือนถึงรูปแบบวิธีการดูแลผิวหน้าแบบ “vampire facials” หลังจากพบผู้ป่วยสองคนในสหรัฐอเมริกาถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV จนนำไปสู่การถกเถียงต่อเรื่องดังกล่าว
ที่รัฐนิวเม็กซิโก กรมสุขภาพนิวแม็กซิโกได้สั่งปิดสปาในเมืองอัลบูเคอร์คี เมื่อ กันยายน 2561 ซึ่งเป็นสปาทรีทเมนต์ผิวหน้า หลังจากการตรวจสอบพบปัญหาด้านสุขอนามัยการใช้เข็ม ตามรายงานของกรมสุขภาพนิวเม็กซิโก ได้แนะนำให้ผู้ใช้บริการบลัดเฟเชี่ยลไปตรวจเลือด
Kathy Kunkel เลขาธิการกรมสุขภาพนิวเม็กซิโก เปิดเผยว่า มีมากกว่า 100 คนที่เข้ารับบริการดูแลผิวหน้ารูปแบบข้างต้นกับสปา ถูกตรวจสอบหาเชื้อ HIV ไวรัสตับอักเสบบีและซี “การตรวจหาเชื้อเป็นสิ่งสำคัญมากกับทุกคน เพราะช่วยให้การรักษาการติดเชื้อมีประสิทธิภาพ”
Vampire facials มีการอ้างว่าเป็นการฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเลือดซึ่งเจาะจากผู้ใช้บริการนำไปสกัด platelet-rich plasma (PRP) ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยในการพัฒนาฟื้นฟูเซลล์ในผิวหนัง ซึ่งการดูแลผิวหน้าดังกล่าว ดาราชื่อดังอย่าง Kim Kardashian ก็เคยใช้บริการ แต่เธอบอกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว
The vampire facial treatment ได้รับความนิยมหลังจาก Kim Kardashian ใช้บริการและโพสต์ลง IG กรรมวิธีความงามดังกล่าวเป็นการนำเลือดจากผู้ใช้บริการมาสกัดแล้วฉีดกลับเข้าไปในใบหน้าของพวกเขา
“ไม่กี่ปีก่อนฉันได้ยินเกี่ยวกับ Vampire facial และรู้สึกทึ่งมาก ” คิมกล่าวกับ Allure แต่เนื่องจากตอนนั้นเธอตั้งครรภ์ คิมจึงไม่สามารถใช้ยาชาหรือยาแก้ปวดได้ เธอบอกว่ามันเจ็บปวดมากๆ และจะไม่มีทางทำมันอีก
ที่มา : honey.nine.com.au
ปล. ความเห็นของผู้แปล หากผู้ป่วยทั้งสองคนติดเชื้อ HIV จากการทำแวมไพร์เฟเชี่ยลจริง อาจเกิดได้จากความไม่สะอาดของเข็มตามกระบวนความปลอดภัยทางสาธารสุข
#vampire facial #HIV #ไวรัสตับอักเสบ