ไอดอลฟิตเนสยุค 90s สู่คนล้มละลาย ผันตัวส่งอาหาร รอข้าวฟรีประทังชีวิต
จากราชินีฟิตเนสผู้มั่งคั่ง สู่ไรเดอร์ส่งอาหาร เปิดชีวิตจริง ซูซาน พาวเตอร์ ที่ยิ่งกว่าละคร หลังสูญเสียทุกอย่างในยุค 90s
หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1990 คงไม่มีใครในอเมริกาที่ไม่รู้จักหญิงสาวผมเกรียนสีบลอนด์ขาว บุคลิกมั่นใจ และเสียงตะโกนอันเป็นเอกลักษณ์ว่า “Stop the Insanity!” ซูซาน พาวเตอร์ (Susan Powter) คือราชินีแห่งวงการลดน้ำหนักในยุคนั้น
ซูซานไม่ได้เป็นแค่เทรนเนอร์ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม อินโฟเมอร์เชียล หรือ โฆษณาขายสินค้าทางโทรทัศน์ ของเธอทำยอดขายถล่มทลายรวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หนังสือและวิดีโอออกกำลังกายถูกขายไปกว่า 10 ล้านชิ้นทั่วโลก จนเธอมีรายการทอล์กโชว์เป็นของตัวเองและสร้างรายได้ให้บริษัทสูงถึงปีละ 50 ล้านดอลลาร์ แต่ใครจะเชื่อว่าภาพความสำเร็จอันหรูหรานั้นจะเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยความจริงที่เจ็บปวด
เส้นทางความมั่งคั่งของซูซานไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดไป ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อน ดีลที่ไม่เป็นธรรม และคดีความฟ้องร้องกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ กลายเป็นพายุลูกใหญ่ที่พัดพาเงินทองของเธอหายวับไปกับตา
รอยเตอร์สและนิตยสาร People รายงานตรงกันว่า จากมหาเศรษฐี เธอถูกฉุดลงสู่สถานะบุคคลล้มละลาย ทรัพย์สินที่เคยมีมลายหายไปจนต้องระหกระเหินไปใช้ชีวิตอยู่ในที่พักชั่วคราวสภาพย่ำแย่ในเมืองลาสเวกัส

เมื่อแสงไฟจากวงการบันเทิงดับลง ชีวิตจริงของการดิ้นรนก็เริ่มต้นขึ้น ซูซานในวัยที่ร่วงโรยต้องเผชิญกับความท้าทายในการหาเงินเพื่อจ่ายค่าเช่าและค่ากินอยู่เหมือนคนทั่วไป เธอเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจผ่านบทสัมภาษณ์ว่า ช่วงหนึ่งเธอต้องพึ่งพาระบบสวัสดิการสุขภาพของรัฐ และอาศัยอยู่ในชุมชนผู้สูงอายุรายได้น้อยที่ต้องรอรับอาหารแจกจากองค์กรการกุศลในบางมื้อ
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้มีรายได้ประทังชีวิต เธอตัดสินใจทำงานเป็นคนขับรถส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน Grubhub งานที่ต้องใช้แรงและเวลา แลกกับเศษเงินเพื่อความอยู่รอด ซึ่งเป็นภาพที่ห่างไกลจากอดีตราชินีฟิตเนสผู้โด่งดังอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของซูซาน พาวเตอร์ ไม่ได้จบลงที่ความสิ้นหวัง ล่าสุดชีวิตการต่อสู้ของเธอได้ถูกถ่ายทอดผ่านสารคดีเรื่องใหม่ “Stop the Insanity: Finding Susan Powter” โดยมีนักแสดงรุ่นใหญ่ เจมี ลี เคอร์ติส (Jamie Lee Curtis) นั่งแท่นผู้อำนวยการสร้าง

สารคดีชุดนี้ไม่ได้ต้องการขายภาพความน่าสงสารของดาราตกอับ แต่ต้องการบันทึก “ความจริง” ของมนุษย์คนหนึ่งที่พยายามกลับมายืนด้วยลำแข้งของตัวเองอีกครั้ง
โดยซูซานได้เริ่มเขียนบันทึกความทรงจำและวางแผนรีลอนช์แบรนด์ของตัวเองใหม่ ด้วยความตั้งใจที่จะกลับมาควบคุมทิศทางชีวิตและการเงินของเธอให้รัดกุมกว่าเดิม ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



