ข่าว

เปิดแผนที่ ประเทศเสี่ยงจมน้ำ ศตวรรษหน้า ชี้เป้า พื้นที่จุดอันตรายที่สุด

โลกเดือด เปิดแผนที่ พื้นที่ประเทศเสี่ยงจมน้ำ ศตวรรษหน้า ทำไม “สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ” คือจุดที่อันตรายที่สุด?

เมื่อเราพูดถึงวิกฤตระดับน้ำทะเลสูงขึ้น คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงแค่สาเหตุน้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลายหรือน้ำทะเลขยายตัวจากอุณหภูมิโลกร้อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในศตวรรษหน้าและถัดไปนั้นมีความซับซ้อนรุนแรงกว่านั้นมาก

นาซ่า เผยว่าความเสี่ยงที่แท้จริงไม่ได้มาจากระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการผสมโรงของคลื่นพายุซัดฝั่งที่รุนแรงขึ้น และปัญหาน้ำท่วมจากน้ำขึ้นสูงซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าเดิม

พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบหนักหนาสาหัสที่สุด คือพื้นที่ชายฝั่งที่มีลักษณะราบต่ำ ตั้งอยู่ติดกับแหล่งน้ำตื้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพื้นที่เหล่านั้นอยู่ในเส้นทางพายุหมุนเขตร้อน ความเสียหายจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จุดที่นักวิทยาศาสตร์กังวลมากที่สุดคือ พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ซึ่งเป็นตะกอนดินที่สะสมตัวบริเวณที่แม่น้ำไหลลงสู่ทะเล

พื้นที่เหล่านี้มักเป็นที่ตั้งของเมืองท่าสำคัญ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้ความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นมีมูลค่ามหาศาล ทั้งในแง่ของชีวิตและทรัพย์สิน จุดเสี่ยงสำคัญของโลกได้แก่ ชายฝั่งตะวันออกและอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐอเมริกา ทวีปเอเชีย และหมู่เกาะต่างๆ

คลื่นพายุซัดฝั่ง อาวุธทำลายล้างที่รุนแรงกว่าเดิม

บทเรียนจากพายุที่พัดถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์และพื้นที่ตามแนวอ่าวเม็กซิโกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำหน้าที่เหมือนตัวขยายสัญญาณความรุนแรง มันหนุนให้คลื่นพายุซัดฝั่งมีระดับน้ำที่สูงขึ้นและมีพลังทำลายล้างที่กวาดลึกเข้าไปในแผ่นดินได้ไกลกว่าเดิม ตอกย้ำว่าภัยคุกคามไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของน้ำที่ค่อยๆ เอ่อล้นตลิ่ง แต่มาในรูปแบบของภัยพิบัติฉับพลันที่รุนแรงขึ้น

หรืออย่างกรณีของพื้นที่ประเทศในแอบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงปี 2568 ในช่วงแค่สองเดือนให้หลัง เจอพายุซัดกระหน่ำ ถึง 3 ลูก

ไต้ฝุ่นแมตโม ในช่วงเดือนตุลาคม ทำให้เกิดฝนตกหนักจนระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายในเวียดนามตอนเหนือพุ่งสูงเกินระดับประวัติศาสตร์ แรงดันน้ำมหาศาลส่งผลให้ เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในจังหวัดหลางเซินแตก มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานเดิมอาจไม่สามารถรองรับสภาพอากาศสุดขั้วในยุคใหม่ได้อีกต่อไป

ผ่านไปไม่นาน ก็โดนไต้ฝุ่นคัลแมกี ถล่มซ้ำช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน สร้างสถิติเป็นพายุมรณะที่สุด ของปีในฟิลิปปินส์ คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200 ราย ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มเวียดนาม ซ้ำเติมด้วยปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูงตามธรรมชาติ ทำให้นครโฮจิมินห์ต้องเผชิญกับน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่ำอย่างหนัก แม้พายุจะอ่อนกำลังลงแล้วก็ตาม

ล่าสุดไต้ฝุ่นฟงวอ ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พัดถล่มเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ด้วยความรุนแรงระดับ 4 สร้างคลื่นพายุซัดฝั่ง สูงซัดเข้าทำลายพื้นที่ชายฝั่ง มีรายงานว่าน้ำท่วมสูงถึงระดับหลังคาบ้านในจังหวัดออรูร่า และมีประชาชนกว่า 1.4 ล้านคนต้องอพยพ การศึกษาพบว่าภาวะโลกร้อนมีส่วนทำให้พายุทวีกำลังแรงขึ้นและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล

คนงานกำลังรื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ล้มในเมืองเกซอน ประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก ขณะที่พายุโซนร้อนวิภา หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า คริสซิ่ง กำลังเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 (ภาพเอพี/แอรอน ฟาวิลา)
คนงานกำลังรื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ล้มในเมืองเกซอน ประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก ขณะที่พายุโซนร้อนวิภา หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า คริสซิ่ง กำลังเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 (ภาพเอพี/แอรอน ฟาวิลา)

อนาคตหลังปี 2100 การถอยร่นที่อยู่อาศัยเข้าไปในแผ่นดินอาจเป็นทางเลือกเดียว

เมื่อมองไกลออกไปเกินกว่าปี 2100 ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลอาจรุนแรงถึงขั้นบีบบังคับให้มนุษยชาติต้องถอยร่นหนีน้ำขึ้นไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่มีความสูงมากกว่าเดิม โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2150 คลื่นพายุซัดฝั่งอาจมีความสูงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่าระดับในปัจจุบัน และโดยทั่วไปหลังจากปี 2100 ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 2 เมตร จะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้กับพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในช่วงแรก การปรับตัวเชิงกลยุทธ์อาจช่วยบรรเทาผลกระทบได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับโครงสร้างสิ่งปลูกสร้างชายฝั่ง หรือการลงทุนสร้างกำแพงกันคลื่นขนาดใหญ่เพื่อปกป้องเมือง แต่เมื่อปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ผลกระทบต่อสังคมจะขยายวงกว้าง และงบประมาณในการรับมือจะพุ่งสูงขึ้นมหาศาล จนอาจถึงจุดที่การต่อสู้กับธรรมชาติด้วยสิ่งปลูกสร้างอาจไม่ใช่คำตอบที่คุ้มค่าอีกต่อไป

เส้นทาง พายุ วิภา แผนที่สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
ภาพจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button